บมจ.ปริญสิริ(PRIN)เตรียมพิจารณาปรับเพิ่มประมาณการรายได้ในปี 52 เนื่องจากแนวโน้มการปรับตัวที่ดีขึ้นของรายได้และกำไร โดยเฉพาะในแง่ของกำไรประเมินว่าอาจจะเติบโตได้ถึง 50% ซึ่งในไตรมาส 2/52 คาดว่ากำไรสุทธิจะสูงขึ้นกว่าเท่าตัวจากไตรมาส 1/52 ที่มีกำไรสุทธิกว่า 50 ล้านบาท และยังน่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 3/52 และไตรมาส 4/52
เดิม PRIN ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ระดับ 4.5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 4.3 พันล้านบาท
นายวีระ ศรีชนะชัยโชค กรรมการผู้จัดการ PRIN เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในไตรมาส 2/52 บริษัทจะรับรู้รายได้ส่วนใหญ่จากมูลค่าจากโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ"เดอะ คอมพลีท ราชปรารภ"และ "เดอะไพร์ซ พัทยา" ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีมูลค่าโครงการค่อนข้างสูง และยังรับรู้รายได้จากการขายที่ดิน 2 แปลงเข้ามาบันทึกอีก ทั้งที่ดินย่านปิ่นเกล้าและที่ดินราษฎร์บูรณะ
การรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผลดำเนินงานตั้งแต่ไตรมาส 2/52 ต่อเนื่องไปยังไตรมาส 3/52 และไตรมาส 4/52 โดยบริษัทมีโครงการที่จะทยอยรับรู้ฯ ในไตรมาส 3/52 คือ โครงการย่านพหลโยธิน และยังรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากจากโครงการเดอะ คอมพลีท และเดอะไพร์ซ พัทยา
สำหรับโครงการที่ราชปรารภจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/52 ประมาณ 70% จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 1.6 พันล้านบาท และที่เหลืออีก 30% จะรับรู้ฯ ในไตรมาส 3/52 ส่วนเดอะไพร์ซฯ จะรับรู้ฯ ในไตรมาส 2/52 ประมาณ 20% จากมูลค่าโครงการ 200 กว่าล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีการทยอยรับรู้จากโครงการเดิมทั้งแนวราบและแนวสูง
"ปัจจัยดังกล่าวทำให้เชื่อว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 300 กว่าล้านบาท ซึ่งหากเป็นไปอย่างที่ประมาณการก็จะทำให้สามารถจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ และจะกลับไปสู่ภาวะปกติจากปีก่อนที่ไม่ปกติหลังได้รับผลกระทบหลายอย่าง แนวโน้มการปรับตัวที่ดีขึ้นของกำไรก็เชื่อว่ารายได้ก็จะปรับตัวไปในทิศทางเดียวกัน"นายวีระ กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
นายวีระ กล่าวอีกว่า ภายใน ก.ค.นี้บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ย่านกัลปพฤกษ์ เป็นทาวน์เฮ้าส์มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างพิจารณาเปิดเพิ่มอีก 2 โครงการ ขณะนี้อยู่ระหว่างมองหาที่ดินใหม่ ซึ่งถือเป็นการซื้อเพื่อทดแทนที่ดินที่บริษัทได้ขายไปที่ราษฎร์บูรณะ โดยมองอยู่ 3-4 แปลง คาดว่าจะสรุปได้ไม่เกินเดือน ก.ย.หรือไตรมาส 3/52 ใช้เม็ดเงินรวม 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เชื่อว่ามีคงจะเห็นการพัฒนา 2 แปลงในปีนี้ และปีหน้า 2 แปลง ซึ่งโครงการที่จะพัฒนาในปีนี้อาจจะเป็นทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวมูลค่าไม่เกิน 500-1,000 ล้านบาทต่อโครงการ
"ปีนี้สภาพคล่องของผมน่าจะดีขึ้นและกลับมาสู่สภาพปกติหลังจากที่ได้มีการปรับวิธีและเพิ่มกลยุทธ์ในการบริหารงานใหม่ ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่ผมคาดไว้ ปันผลก็ไม่น่ายาก ผู้ถือหุ้นก็น่าจะ happy" นายวีระ กล่าว