นายนพดล ศิริจงดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เปิดเผยว่า ซีพีเอฟเตรียมขยายโครงการโรงไฟฟ้าระบบพลังงานความร้อนร่วมนี้ไปในโรงงานอื่นๆ ของบริษัทอีก 3 พื้นที่ ได้แก่ ขยายเฟส 2 ที่โรงงานแปรรูปเนื้อไก่สระบุรี, พื้นที่โรงงานแปรรูปเนื้อไก่มีนบุรี และพื้นที่โรงงานอาหารแปรรูปหนองจอก, รวมทั้งพื้นที่นอกกลุ่มซีพีเอฟอีก 1 แห่งคือโรงงานซีพี-เมจิ โดยใช้โมเดลที่โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ กรุงเทพโปรดิ๊วส จ.สระบุรีเป็นต้นแบบ และใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งจะคาดว่าจะคืนทุนทั้งหมดได้ภายใน 4 ปี 6 เดือน
ทั้งนี้ โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ กรุงเทพโปรดิ๊วส จ.สระบุรีนี้ จะใช้ก๊าซธรรมชาติประมาณ 35,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน มาผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยระบบความร้อนจาก การปั่นไฟ โดยจะได้พลังงานออกมาใน 2 รูปแบบ คือ พลังงานไฟฟ้า และพลังงานไอน้ำ โรงไฟฟ้าระบบพลังงานความร้อนร่วม (Co-Gen) คือ การนำเอาเชื้อเพลิง เช่น ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน หรือชีวมวล มาผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะเกิดความร้อนจากการปั่นไฟ โดยจะนำความร้อนที่เกิดจากการปั่นไฟนี้ไปต้มน้ำสำหรับใช้ในกระบวนการผลิต การนำเชื้อเพลิงมาใช้ผลิตทั้งไฟฟ้าและไอน้ำในคราวเดียว ทำให้เกิดการประหยัดค่าพลังงาน จากเดิมที่ต้องซื้อทั้งไฟฟ้าและเชื้อเพลิงมาต้มน้ำเพื่อผลิตไอน้ำ หลักการดังกล่าวทำให้ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของโรงไฟฟ้า Co-Gen เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 80 จากโรงไฟฟ้าระบบทั่วไปที่ให้ประสิทธิภาพเพียงประมาณร้อยละ 50
การดำเนินโครงการนำร่องบริษัทจัดการพลังงานนี้ บริษัทใช้มาตรการด้านโรงไฟฟ้าระบบพลังงานความร้อนร่วม หรือ CO-GENERATION (Co-Gen) เป็นมาตรการหลัก ซึ่งนอกจากจะสามารถช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างเป็นรูปธรรม และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศแล้ว ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ลงได้ถึงปีละ 53,543 ตัน นับเป็นการบรรเทาภาวะโลกร้อนลงได้อีกทางหนึ่งส่งผลให้โรงงานแปรรูป บมจ.กรุงเทพโปรดิ๊วส จ.สระบุรี สามารถลดการใช้พลังงานลงได้ถึง 105 ล้านหน่วยและลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงได้ถึง 312 ล้านบาท
"ในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต จะคำนึงถึงการใช้พลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเสมอ ดังเช่น โครงการโรงไฟฟ้า Co-Gen ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติมาเป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันเตา ทำให้ลดการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้อย่างมาก"นายนพดล กล่าว