โบรกเกอร์ ส่วนใหญ่แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ไทยคม(THCOM)คาดธุรกิจฟื้นตัวปีนี้หากได้เซ็นสัญญาเปิดตลาด iPSTAR กับอินเดียอย่างที่หวังไว้ในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้ capacity ของ iPSTAR เพิ่มขึ้นมาก และส่งผลให้ปีนี้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน ประกอบกับปีนี้บริษัทจะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และทำให้ iPSTAR มีจุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้นประมาณ 1-2 ปีข้างหน้า ขณะที่ตลาดจีนก็มีความหวังว่าการทำการตลาดจะดีขึ้นหลังพันธมิตรมีการควบรวมกิจการไชน่าเทเลคอม
อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอความชัดเจนของการเซ็นสัญญากับอินเดีย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเลื่อนมาหลายรอบแล้ว แต่ครั้งนี้ดูเหมือนฝ่ายบริหารจะให้ความมั่นใจกว่าครั้งก่อนๆ บางโบรกเกอร์จึงแนะให้รอข่าวดีออกมาก่อน โดยที่ผ่านมาราคาหุ้นได้สะท้อนข่าวนี้ไปหลายรอบแล้ว
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ฟินันซ่า ซื้อ 8.00 บล.โกลเบล็ก ซื้อ 6.30 บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 6.20 บล.ฟิลลิป ซื้อ 5.90 บล.กิมเอ็ง ถือ 5.33 (รอทบมวน) บล.บัวหลวง ขาย 4.00
นักวิเคราะห์จาก บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า ผู้บริหาร THCOM ให้ความมั่นใจในการเข้าเซ็นสัญญาให้บริการ iPSTAR กับทางอินเดียภายในครึ่งปีหลังแน่ ซึ่งฟังดูแล้วแสดงความมั่นใจกว่าครั้งก่อน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะดีขึ้น มองว่ามีกำไรไม่มาก โดยคาดปีนี้มีกำไรเพียง 13.77 ล้านบาท กว่าที่ iPSTAR จะถึงจุดคุ้มทุนได้น่าจะเป็นประมาณปีหน้า
"ไทยคม ยังต้องติดตามดูตลาดที่จีนและอินเดีย ถ้าสองประเทศนี้ดี ผลประกอบการก็จะยิ่งดี ส่วนประเทศอื่นก็ถือว่าเป็น benefit ไป"นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้าน น.ส.ศลยา ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า ราคาเป้าหมายที่ 5.33 บาทเป็นราคา conservative มาก โดยราคามูลค่าทางบัญชี ยังต่ำกว่าราคาปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาเป้าหมายที่ทำไว้ถูกมากอยู่แล้ว รอ preview ก่อน ซึ่งจะกำลังทบทวนอยู่ โดยต้องดูข่าวต่างๆประกอบด้วย
ขณะนี้ตลาดเก็งข่าวเรื่องจีน อินเดีย ซึ่งตราวนี้ผู้บริหารออกมาพูดมั่นใจกว่าครั้งอื่นๆ ว่าจะเซ็นสัญญากับอินเดียภายในปลายปีนี้ เพราะเลือกตั้งที่อินเดียก็เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายบริหารก็เคยแสดงความมั่นใจการเซ็นสัญญากับทางอินเดียมาหลายรอบแล้ว
"คงแนะนำเป็นถือ รอข่าวดี แต่ก็ยังถือว่าเสี่ยง เพราะการเซ็นสัญญากับทางอินเดียก็เลื่อนมาหลายรอบ เขาเคยมองปลายไตรมาส 3/52 ซึ่งหากถึงเวลานั้นยังไม่มีความชัดเจน ดูเงียบ ก็เปลี่ยนตัวเล่น"น.ส.ศลยา กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานในปีนี้เริ่มมีกำไรในไตรมาส 4/52 ไม่นับรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยทั้งปีก็คาดว่ายังมีขาดทุน เพราะเชื่อว่าจุดคุ้มทุนน่าจะได้ไตรมาส 4 นี้โดยลูกค้าที่เพิ่มเข้ามาเช่น ญีปุ่นก็น่าจะรับรู้ปลายปี
ส่วน บล.ทรีนิตี้ มองว่า THCOM อยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดยคาดไตรมาส 2/52 กำไรสุทธิกลับเป็นบวกจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน โดยภาพรวมผลการดำเนินงานทรงตัวจากไตรมาส 1/52 แต่คาดผลการดำเนินงานปกติขาดทุน 62 ล้านบาท ดีขึ้นจากไตรมาส 1/52 ที่ขาดทุน 110 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิพลิกกลับเป็นบวก 251 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 220 ล้านบาทในไตรมาสก่อน จากบาทแข็งทำให้มีกำไรค่าเงิน 313 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 110 ล้านบาท
และจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย คือ อินเดีย คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในปีนี้ iPSTAR หลังจากทยอยเปิดให้บริการแล้วใน อสเตรเลีย กัมพูชา จีน พม่า นิวซีแลนด์ ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น ล่าสุด คือ อินโดนีเซีย ซึ่งรวมแล้วคิดเป็น Capacity 80% ปัจจุบันมี Utilization อยู่ที่ 12%
"คงเหลืออินเดียที่เป็นจิ๊กซอร์ชิ้นสำคัญ Capacity คิดเป็น 17.5% ของ iPSTAR ซึ่งหากการลงนามในสัญญากับรัฐบาลอินเดียเพื่อเริ่มให้บริการได้ในปีนี้ เมื่อรวมกับอีก 12 ประเทศข้างต้น คาดว่าจะทำให้ Utilization ณ สิ้นปีขึ้นถึงระดับคุ้มทุนที่ 15% ก่อนเร่งตัวสู่ 30% ณ สิ้นปี 53 ซึ่งจะทำให้ผลการดำเนินงานรวมปี 2553 กลับมามีกำไรปกติเป็นบวกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 48" บทวิเคราะห์ระบุ
บล.ฟินันซ่า เชื่อว่า ตลาดใหญ่ 2 อันดับแรกของ iPSTAR คือ จีน(26.2% ของพื้นที่ให้บริการ) และอินเดีย(17.5% ของพื้นที่ให้บริการ)จะมีความชัดเจนมากขึ้นในครึ่งปีหลัง โดยตลาดอินเดียมีความคืบหน้าไปมากแล้ว เหลือเพียงเจรจาในแง่ของรายละเอียดสัญญากับรัฐบาลอินเดีย จึงคาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 3/52
ขณะที่ตลาดจีน คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องได้อย่างช้าในไตรมาส 1/53 หลังเสร็จสิ้นการปรับโครงสร้างธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศแล้ว และเตรียมรอเซ็นสัญญากับ China Telecom
"ประเด็นลงทุนอยู่ที่ผลการดำเนินงานที่ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะทยอยปรับตัวดีขึ้นตามอัตราการใช้งานของ IPTAR ที่เพิ่มขึ้น"บทวิเคราะห์ ระบุ
ขณะที่ นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย กล่าววว่า คาดหวังจะเห็นการเซ็นสัญญาที่อินเดีย ซึ่งถ้าได้ที่อินเดียก็น่าจะทำให้ THCOM ดูดีขึ้น แต่ราคาหุ้นได้สะท้อนไปมากพอสมควร
"เราแนะนำให้ SELL เราคิดว่าราคาสะท้อนไปแล้ว ถ้าสมมติราคา 5 บาท คือคาดหวังการเซ็นสัญญาที่อินเดีย และ Breakeven ได้ภายใน 2 ปี...เราเทรดบน story มาระดับหนึ่ง และก็เห็นว่าพอแล้วกับการเล่นบน Story เพราะถ้าเกินไปมาก เราเห็นว่าไม่ค่อยจะคุ้มกับสิ่งที่บริษัทได้มา"นายชัยพร กล่าว
โดย บล.บัวหลวงจะปรับราคามูลค่าหุ้นต่อเมื่อเห็นการเซ็นสัญญากับทางอินเดียชัดเจนก่อน กับจุดคุ้มทุนของ iPSTAR