โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ทิสโก้ ซื้อ 11.00 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 10.00 บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 9-10 บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 9.60
นายพลสิทธิ์ ตันฑ์พูนเกียรติ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า หุ้น KH มีความโดดเด่นมากที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนด้วยกัน เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลเดียวในกลุ่มที่เน้นลูกค้าคนไทย และรับลูกค้าที่ใช้สิทธิประกันสังคม ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อโรงพยาบาลที่มีลูกค้าหลักเป็นต่างชาติ
นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัด 2009 ทำให้คนตื่นตัว เพียงแค่รู้สึกปวดหัวตัวร้อนก็รีบไปพบแพทย์ แต่การจะหวังพึ่งโรงพยาบาลรัฐเพียงอย่างเดียวก็อาจจะไม่ได้รับการบริการที่น่าประทับใจมากนักเนื่องจากต้องดูแลผู้ป่วยจำนวนมาก แต่การที่ KH เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่รับรักษาผู้ป่วยที่มีประกันสังคมทำให้เป็นทางเลือกใหม่และดีกว่าโรงพยาบาลเอกชนอื่นๆ
"จุดเด่นของ KH คือเป็นตัวที่ไม่ได้พึ่งพารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติ มีสัดส่วนรายได้ระหว่างผู้ป่วยเงินสด 60%, รายได้จากผู้ป่วยที่มีประกันสังคม 20%, ประกันสุขภาพถ้วนหน้า 20% ค่อนข้างสมดุล ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี รายได้จากประกันสังคมและรายได้จากประกันสุขภาพถ้วนหน้าไม่ถูกกระทบไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจะเป็นยังไงก็ตาม คาดว่าปี 52 รายได้จากประกันสังคมเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1,999 บาท/คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 19%"นายพลสิทธิ์ กล่าว
ขณะที่ BH และ BGH จะรับเฉพาะลูกค้าเงินสด 100%
นอกจากนี้ กรณีที่ผู้ป่วยต่างชาติเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลต่าง ๆ ในประเทศลดน้อยลงในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของ KH ตรงกันข้าม KH กลับมีรายได้เข้ามาแน่นอนและรายได้ต่อหัวก็ปรับเพิ่มขึ้นด้วย โดย KH วางตัวเองเป็นโรงพยาบาลเอกชนระดับ Mass ที่จะต้องมีจำนวนคนไข้เข้ามาใช้บริการมากๆ ซึ่งตรงกับนโยบายที่รับทั้งลูกค้าเงินสด ลูกค้าประกันสังคม และประกันสุขภาพถ้วนหน้า
ประมาณการปี 52 จำนวนผู้ป่วยที่จะเข้ามาใช้บริการ KH น่าจะเพิ่มขึ้น 3% จาก 1 ล้านคนในปี 51 ในแง่ของกำไรสุทธิปี 52 คาดว่าจะอยู่ที่ 700 ล้านบาท จาก 605 ล้านบาทในปี 51 เพิ่มขึ้น 15.7% ถือเป็นตัวเลขอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดถ้าเทียบกับ BH และ BGH
นายพลสิทธิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยในระบบประกันสังคมอยู่ที่ประมาณ 8.8 ล้านคน โดย KH มีมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มลูกค้าประกันสังคมประมาณ 6.4% หรือ ประมาณ 564,500 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง ที่เหลือคงจะเป็นโรงพยาบาลที่ไม่มีกลุ่ม ไม่มี Chain
อนึ่ง KH มีแผนจะเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ ซึ่งตามแผนจะมีจำนวน 300 เตียง ที่แจ้งวัฒนะในช่วงปลายปี 53 ซึ่งจะทำให้มีจำนวนเตียงใกล้ๆ 1,500 เตียง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 1,189 เตียง
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ยูไนเต็ด ระบุว่า ในเชิงพื้นฐาน เรายังแนะนำซื้อ KH เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกและการเมืองส่งผลกระทบต่อโรงพยาบาลที่มีรายได้จากฐานลูกค้าต่างชาติในสัดส่วนสูง เช่น BH ซึ่งสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 55% และ BGH ลูกค้าต่างชาติคิดเป็นฐานรายได้ประมาณ 35%
นอกจากนี้ การที่ครม.เห็นชอบงบรายหัวของโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปี 53 ขึ้นอีก 9%YoY เป็น 2,406 บาท/หัว สำหรับโรงพยาบาลที่มีรายรับประจำจากโครงการประกันสังคม ยังได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราเหมาจ่ายต่อหัวทุกๆ ปี โดยเฉพาะปี 52 เพิ่มขึ้นกว่า +20%YoY
ขณะที่นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า จุดเด่นของ KH คือ การจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอปีละ 2 ครั้ง ซึ่งปีที่แล้วจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.15 บาท/หุ้น แต่งวดระหว่างกาลปีนี้น่าจะจ่ายได้ในระดับใกล้เคียง 0.20 บาท/หุ้น
"เราจึงเห็นว่า KH เป็นหุ้นที่น่าลงทุนเพื่อปันผล เป็นหุ้นที่ปลอดภัย เติบโตในระดับที่ไม่หวือหวามาก แนะนำ"ซื้อ" ราคาเป้าหมายอยู่ระหว่าง 9 ถึง 10 บาท"นายกิจพลกล่าว
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินว่า สถานการณ์การแพร่ของไข้หวัด 2009 อาจมีความรุนแรงกว่าที่คาด การแพร่ระบาดของโรคนั้นมีอัตราที่รวดเร็ว มีโอกาสจะพบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในประเทศ ดังนั้น กลุ่มโรงพยาบาลน่าจะได้ประโยชน์จากเรื่องดังกล่าวจากการที่ประชาชนจะหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ซึ่งถ้ามีอาการป่วยก็น่าจะเลือกรับการรักษาที่โรงพยาบาลแทนคลินิกต่างๆ โดยเลือก KH เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม