นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) ผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งและบรรจุกระป๋องรายใหญ่ของไทย เปิดเผยถึงการควบรวมทีมบริหารของ 2 บริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกาคือ บริษัท ไทร-ยูเนี่ยน โฟรเซ่น ฟู้ดส์ จำกัด เจ้าของแบรนด์ “ชิกเก้นออฟเดอะซีโฟรเซ่นฟู้ดส์" และบริษัท เอ็มเพรส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของแบรนด์ “เอ็กซ์แซลเล้นซ์" ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าอาหารทะเลแช่แข็ง เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงาน โดยมีการกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ชัดเจนมากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ และเพื่อรองรับแผนการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ทางตลาดและผู้บริโภคในปัจจุบัน
สำหรับผลการดำเนินงานของทั้ง 2 บริษัทในปีที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายที่โดดเด่นมาก ซึ่งเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่งในกลุ่มบริษัท สำหรับตลาดอเมริกาในปีนี้ ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจยังคงมีอยู่ ดังนั้นการปรับตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เราเชื่อมั่นว่า การรวมทีมงานดังกล่าว จะเสริมประสิทธิภาพในการกำหนดทิศทางการตลาดในสหรัฐอเมริกาได้อย่างเข้มข้นขึ้น มีการบริหารต้นทุนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะเป็นการรวมจุดแข็งในด้านต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในตลาดอเมริกา และสร้างยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มบริษัท
"การปรับกลยุทธ์การบริหารงานบริษัทลูกในอเมริกาอย่าง “ชิกเก้นออฟเดอะซีโฟรเซ่นฟู้ดส์" และ “เอ็มเพรส" โดยใช้ผู้บริหารคนเดียวกัน เพิ่มศักยภาพด้านการบริหารและการตลาด รองรับแผนงานในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนเป้าหมายของกลุ่มไทยยูเนี่ยนในปีนี้ที่วางไว้ 8-10% ในรูปเงินเหรียญ และ 15% ในรูปเงินบาท"นายธีรพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายไบรอัน โรเซ็นเบิร์ก ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารของบริษัทไทร-ยูเนี่ยน โฟรเซ่น ฟู้ดส์ จะมานั่งควบตำแหน่งประธานกรรมการบริหารที่บริษัท เอ็มเพรสด้วย โดยนายไบรอัน เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทางด้านธุรกิจอาหารทะเลมากว่า 20 ปี และมีประสบการณ์อย่างกว้างขวางด้านการขายและด้านการตลาด ซึ่งที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จอย่างมากในการบริหารงานให้กับบริษัท ไทร-ยูเนี่ยน โฟรเซ่น ฟู้ดส์ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2549 และบริษัทเชื่อมั่นว่า การนั่งตำแหน่งประธานกรรมการบริหารทั้ง 2 บริษัทของนายไบรอัน จะช่วยให้การบริหารงานมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สอดคล้องกับสภาพตลาดที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งจุดนี้จะช่วยผลักดันให้บริษัทลูกในอเมริกาเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจะสามารถตอบรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า