โบรกฯ แนะ"ซื้อ" BIGC มองเป็นหุ้น Defensive, ผลประกอบการโตต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 15, 2009 11:01 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

โบรกฯส่วนใหญ่แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์(BIGC) แนวโน้มผลประกอบการยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากยอดขายที่เติบโตขึ้นทั้งสาขาใหม่-สาขาเดิม และยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ ออกมาผลักดันยอดขายอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ สินค้าของ BIGC เป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน ยอดขายจึงไม่ได้รัลผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจมากนัก ถือเป็นหุ้น Defensive Play อีกทั้งยังมองว่าน่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทั้งช่วงต้นปี และปลายปีนี้ นอกจากนี้ ยังเป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลทุกปี โดยปีนี้(2552)คาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผล 4.69 บาท/หุ้น

อย่างไรก็ดี ปีนี้การเปิดสาขาใหม่ที่น้อยกว่าปีที่แล้วมาก ทำให้มองว่าการเติบโตจะไม่สูงเท่าปีก่อน โดยปีนี้จะมีการเปิดสาขาใหม่เพียง 2 สาขาเท่านั้น จากปี 51 เปิดสาขาใหม่ 12 สาขา

พร้อมกันนี้ ยังคาดการณ์ว่าปีนี้ BIGC จะมีกำไรสุทธิ 2,975-3,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,852 ล้านบาท ส่วนรายได้ปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 72,000 ล้านบาท

          โบรกเกอร์                       คำแนะนำ        ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          Merrill Lynch                    ซื้อ                 51
          บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)              ซื้อ                 51
          บล.เอเชีย พลัส                     ซื้อ                 48.8
          บล.พัฒนสิน                         ซื้อ                 46
          บล.บัวหลวง                        ถือ                 38.50
          บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)              ขาย                40

น.ส.สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า ราคาหุ้น BIGC ในปัจจุบันยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่ 51 บาท/หุ้น และแนวโน้มผลประกอบการก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีใช้ได้ โดยมองว่ายอดขายปีนี้จะเติบโตขึ้นจากการขยายสาขาใหม่ในปีนี้อีก 2 สาขา แม้จะน้อยกว่าปี 51 ที่มีการเปิดสาขาใหม่ถึง 12 สาขา ซึ่งขณะนี้ได้เปิดสาขาไปแล้ว 1 แห่งที่ จ.ศรีสะเกษ ส่วนอีก 1 สาขาใหม่คาดว่าจะเปิดในช่วงปลายปีนี้หรืออย่างช้าก็ต้นปี 53 และยังมียอดขายที่เติบโตจากสาขาเดิมที่มีอยู่อีกด้วย ปัจจุบันสาขาของ BIGC มีทั้งสิ้น 67 สาขา(รวมสาขาใหม่ 1 แห่งแล้ว)

นอกจากนี้ สินค้าของ BIGC เป็นสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทำให้เห็นว่าแม้เศรษฐกิจไทยจะมีการชะลอตัวแต่ BIGC ก็จะไม่ได้ผลกระทบมากนัก อีกทั้ง BIGC ก็พยายามที่จะทำกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ ออกมาเพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้นอีกด้วย

ดังนั้น จึงคาดว่าปีนี้ BIGC จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,975 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีที่แล้ว(2551)ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,852 ล้านบาท

นายถนอมศักดิ์ สหรัตนชัย ผู้บังคับบัญชา สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พัฒนสิน กล่าวว่า หุ้น BIGC เป็นหุ้น Defensive Play เนื่องจากเศรษฐกิจขาลง หุ้นตัวนี้จะไม่ได้รับผลกระทบมาก อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลทุกปี อย่างไรก็ดี สิ่งที่ไม่ชอบสำหรับ BIGC คือปีนี้มีการเปิดสาขาใหม่ที่น้อยกว่าปีที่แล้วมาก ทำให้มองว่าการเติบโตจะไม่มากเหมือนปีที่แล้ว โดยปีนี้จะมีการเปิดสาขาใหม่อยู่เพียงแค่ 2 สาขาเท่านั้น จากปีที่แล้วที่เปิดไป 12 สาขา

พร้อมคาดการณ์ปีนี้ BIGC จะมีกำไรสุทธิ 2,985 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.73 บาท/หุ้น และคาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลสำหรับปีนี้อยู่ที่ 4.69 บาท/หุ้น

นายเตชธร ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส เชื่อว่า ผลการดำเนิน BIGC จะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการขยายสาขาใหม่ในปีนี้ 2 สาขา และจากยอดขายของสาขาเดิมอีกด้วย ซึ่งมองว่า BIG น่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปีและในช่วงปลายปีนี้

พร้อมคาดการณ์ว่า ปีนี้ BIGC จะมีรายได้ประมาณ 72,000 ล้านบาท และคาดกำไรสุทธิที่ 3,200 ล้านบาท ส่วนในปี 53 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 77,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,500 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ