หุ้น IRP ราคาพุ่งขึ้น 4.52% มาอยู่ที่ 9.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 15.77 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.26 น. โดยเปิดตลาดที่ 8.95 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 9.30 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 8.95 บาท
ล่าสุดเมื่อ 10.43 น.ราคาหุ้น IRP อยู่ที่ 9.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท(+3.39%)มูลค่าซื้อขาย 20.16 ล้านบาท
Fund Survey บล.ฟาร์อีสท์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.อินโดรามา โพลีเมอร์ส(IRP)กำไรครึ่งปีเท่ากับที่ทำได้ทั้งปีที่แล้ว และการจดทะเบียนบริษัทลูกในต่างประเทศจะเป็นตัวกระตุ้นราคาหุ้นขึ้นอย่างน้อย 2 เท่า เหมือน BANPU และ ITM โดยปัจจุบัน IRP ซื้อขายกันที่ EV/EBITDA 8 เท่า (2009) และ PE ที่ 12-15 เท่า (2009) และให้มูลค่าหุ้นต่ำเกินไป เนื่องจาก ROE ที่สูงถึง 30% และ ROCE ที่สูงถึง 20% แม้ว่าเทียบกับอุตสาหกรรมเดียวกัน ในประเทศไทยเองก็ตาม โดยให้ราคาเป้าหมาย อิงจาก I/B/E/S ที่ 12.40 บาท หรือ Upside 43%
IRP คาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานในวันที่ 15 ส.ค. ซึ่งคาดว่าจะเติบโตไม่ต่างจาก 1Q09 หรือประมาณ 600-650 ล้านบาท (Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 522 ล้านบาท )แต่จะเพิ่มขึ้น 51%YoY เนื่องจากการใช้กำลังการผลิตที่ระดับ 100% ดังนั้นวอลุ่มขายจึงน่าจะมากกว่า 2.5 แสนตัน และ EBITDA/Ton น่าจะอยู่ระดับเดียวกับ 1Q09
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าหลังจากบริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 แล้ว ประมาณการเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่มีต่อ IRP จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกคิดเป็น 1.2-1.5 พันล้านบาท หรือเท่ากับ 100% ของทั้งปีที่แล้ว และนอกจากนี้การที่ IRP เพิ่มกำลังการผลิต Alpha PET ในครึ่งปีหลัง 09 จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไรได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ เชื่อว่า IRP ได้รับการข้อเสนอจากหลากหลายวาณิชธนกร ไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียน 2 ตลาดของ IRP หรือการนำบริษัทลูกในต่างประเทศจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แสดงให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจที่เป็นระดับโลก และราคาหุ้นที่ “ต่ำเกินไป" สำหรับ IRP ในตลาดหุ้นไทย และประเด็นนี้จะเป็น Big Catalyst สำหรับราคาหุ้น
จึงยังเชื่อว่าการจดทะเบียนในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นตัว IRP หรือบริษัทลูกเองนั้น จะเห็นเป็นรูปธรรมเร็วสุดต้นปีหน้า และอย่างช้าในสุดในครึ่งปีหลังของ 2010 และแน่นอนว่าจะมีผลเชิงบวกต่อราคาหุ้นอย่างแน่นอนที่สุด นอกจากนี้การนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนจะทำให้การประมาณการมูลค่าหุ้นที่มากขึ้น เปรียบเทียบได้กับ BANPU ที่เห็นราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวหลังจาก ITM บริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดอินโดนีเซีย
อีกทั้งเชื่อว่าระดับ dilution ที่ 25-30% IRP จะระดมเงินทุนได้มากกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีงบการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก จากการที่ปัจจุบันมีหนี้สินรวมกัน 1.3 หมื่นล้านบาท เมื่อได้เงินที่ระดมเพิ่มทุนมา 5-6 พันล้านบาท จะทำให้หนี้สินต่อทุนจากเกือบ 2 เท่า เหลือเพียง 1 เท่า DE ratio ที่ต่ำลงและงบดุลที่แข็งแกร่งจะทำให้ IRP สามารถขยายกิจการอย่างก้าวกระโดดได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการบริษัทที่มีปัญหา และบริหารจนมีกำไร