โบรกฯ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์(TUF)คาดกำไรไตรมาส 2/52 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เป็นผลจากราคาทูน่าที่เป็นวัตถุดิบสำคัญลดฮวบ แต่ราคาขายแม้จะลงตามแต่ก็ลงในอัตราน้อยกว่า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ในไตรมาส 2/52 ปรับขึ้นมาเป็น 14-15% จาก 12% ในไตรมาสแรก รวมทั้งคาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราประมาณ 0.83-0.88 บาท
นอกจากนี้ คาดว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อเนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและมาร์จิ้นยังเติบโต จึงประมาณการการทั้งปี 52 จะมีกำไรที่ดี
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) สถาบันนครหลวงไทย ซื้อ 30.00 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 29.10 บล.ซิกโก้ ซื้อ 27.50 บล.กิมเอ็ง ซื้อ 27.30 บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 26.96 บล.ทิสโก้ ซื้อ 26.60
น.ส.สุธาทิพย์ พีรทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)คาดว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/52 จะออกมาดีมาก ประมาณการไว้ที่ 807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน(YoY)และ 24% จากไตรมาส 1/52(QoQ)เนื่องจากเป็นจากต้นทุนปลาทูน่าลดลงทำให้มาร์จิ้นของบริษัทสูงขึ้น ขณะที่ราคาขายปรับลดลงน้อยกว่า นอกจากนี้สินต้าอื่น เช่น ปลาซาร์ดีน กุ้ง อาหารทะเลกระป๋อง มียอดขายที่ดี
รวมทั้ง คาดว่าบริษัทจะจ่ายผลระหว่างกาลอัตรา 0.83 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนกว่า 3%
และมองว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังยังอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะต้นทุนปลาทูน่าจะอยู่ในระดับต่ำ จากปีก่อนที่ราคาปลาทูน่าพุ่งขึ้นสูงตามราคาน้ำมัน
"กำไรปีนี้ถือว่าดี แต่มีค่าใช้จ่ายพิเศษที่ปิดโรงงานที่เกาะซามัว ประมาณ 500 ล้านบาท อาจมีการปรับลด รวมแล้ว กำไรก็ยังค่อนข้างดี... ถือว่ายังลงทุนได้ถึงแม้ราคาค่อยๆขยับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ถ้าลงทุนระยะยาวก็ยังได้"น.ส.สุธาทิพย์ กล่าว
ทั้งนี้ ผลประกอบการครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก สาเหตุมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นจากการที่ราคาขายสินค้าปลาทูน่า(สำหรับสินค้าที่รับจ้างผลิต)ลดลงในอัตราที่น้อยกว่าการลดลงของราคาวัตถุดิบปลาทูน่า ขณะที่สินค้าภายใต้ Chicken of the Sea จะได้รับผลบวกจากการที่ราคาขายไม่ได้ปรับลงแต่ราคาวัตถุดิบลดลง
นอกจากนั้น การเติบโตของกุ้งส่งออกไปญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นก็ช่วยเพิ่มอัตรากำไรด้วยเนื่องจากสินค้าที่ส่งไปญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นสินค้าสำเร็จรูปซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง เราจึงประเมินว่าปีนี้ TUF จะมีกำไรปกติซึ่งไม่รวมค่าใช้จ่ายในการปิดโรงงานซามัวเพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนมาเป็น 2,676 ล้านบาท (3.03 บาท/หุ้น)
นักวิเคราะห์จาก บล.ยูไนเต็ด คาดว่า TUF ไตรมาส 2/52 มีกำไรที่ 920 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128% จาก YoY และ เพิ่มขึ้น 41% จาก QoQ เป็นผลจากความสามารถทกำไรได้ดี โดยราคาทูน่าปรับลดลง 34% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 1,193 เหรียญ/ตัน ขษะที่ราคาขายสินค้าทูน่าลดลง 15%
ประกอบกับ สินค้ากุ้งมียอดขายดีในญีปุ่น ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีจากข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น(JTEPA) ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นมาระดับ 15.6% ในไตรมาส 2/52 จาก 12.1% ในไตรมาส 1/52
"คิดว่ากำไรในไตรมาส 2 นี้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ....แนะนำ BUY เพราะ earning โตดี และดู out look ในครึ่งปีหลังยังดีต่อเนื่อง จาก seasonal ซึ่งมีกำลังซื้อมากกว่าในครึ่งปีหลัง และภาพรวมความสามารถทำกำไร ของทูน่าแลเกุ้ง ก็น่าจะส่งผลดีบวกต่อเนื่อง"นักวิเคราะห์ ระบุ
ดังนั้น ประเมินผลประกอบการ TUF ทั้งปี 52 จะมีกำไรประมาณ 2,694 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 22% และคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.88 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนราว 4%
ส่วน บล.ทิสโก้ ประมาณการรายได้ของ TUF ในไตรมาส 2/52 ที่ 1.67 หมื่นล้านบาท คงตัว YoY แต่ลดลง 5.2% QoQ ขณะที่ยอดขายในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะลดลง 3% YoY เนื่องจากมูลค่าขายที่ลดลง สอดคล้องกับต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราส่วนกำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15.5% จาก 13.3% YoY และ 12.1% QoQ จากข้อมูลข้างต้น เราคาดว่าบริษัทจะรายงานกำไรสุทธิ 772 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.2% YoY และ 18.1% QoQ ในไตรมาส 2/52
ทั้งนี้ ผู้บริหารของ TUF ปรับลดอัตราการเติบโตยอดขายในรูปสกุลสหรัฐฯ สำหรับปีนี้ลงมาอยู่ที่ 5% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 8-10% YoY เนื่องจากราคาปลาทูน่าเฉลี่ยที่ลดลง YoY ทำให้มีการปรับลดราคาขายลงตาม
ดังนั้น เราจึงทำการปรับลดประมาณการรายได้จากการขายสำหรับปี 52 ของเราลง 4% มาอยู่ที่ 7.48 หมื่นล้านบาท ขณะที่เราปรับขึ้นสมมติฐานอัตราส่วนกำไรขั้นต้นมาอยู่ที่ 14% จาก 13.1% โดยสรุป เรามีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 52 ลง 4% มาอยู่ที่ 2.35 พันล้านบาท แต่ยังขยายตัวราว 7% เมื่อเทียบกับปี 51 สำหรับปี 53-54 คาดว่าผลประกอบการจะขยายตัว 13-19%