นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 2/52 ทั้งรายได้และกำไรจะออกมาดีกว่าที่เคยประมาณการไว้ จากกำลังซื้อพาราไซลีนและเบนซีนที่อยู่ในระดับสูง เป็นผลจากกำลังซื้อของจีนยังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญตามเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ทำให้คำสั่งซื้อของบริษัทในปัจจุบันกลับมาดีขึ้นมากจากที่ชะลอไปบ้างในช่วงก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ราคาพาราไซลีนยังสูงกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน รวมทั้งราคาเบนซีนยังคงดีเช่นเดียวกัน โดยส่วนต่างราคาขายกับต้นทุนการผลิตพาราไซลีนอยู่ที่ประมาณ 400-500 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ส่วนเบนซีนอยู่ที่ประมาณ 200-300 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน
“ราคาปิโตรเคมียังอยู่ในเกณฑ์ดี ดีมานด์จากจีนยังมีต่อเนื่อง รวมทั้ง Feed Stock ของ Naphta ไม่เพียงพอสำหรับผู้ผลิต ส่งผลให้มาร์จิ้นของผลิตภัณฑ์สูงด้วย และทำให้ผลประกอบการโดยรวมไตรมาส 2/52 ดีกว่าที่ประมาณการไว้ และเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์"นายชายน้อย กล่าว
*มั่นใจไตรมาส 3/52 ดีต่อเนื่อง ส่งผลทั้งปีออกมาดี
นายชายน้อย กล่าวต่อว่า จากทิศทางราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในเดือน ก.ค.52 และราคาขายผลิตภัณฑ์ยังคงอยู่ระดับสูงนั้น คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/52 ทั้งรายได้และกำไรยังคงอยู่ในระดับสูงจากไตรมาส 2/52 ประกอบกับ ปีนี้บริษัทไม่มีการการหยุดซ่อมบำรุงขนาดใหญ่ โดยเดินเครื่องกำลังการผลิตเต็ม 100% ทั้งในส่วนของโรงกลั่นและโรงงานอะโรเมติกส์
ส่วนไตรมาส 4/52 ที่คาดว่าผลผลิตอะโรเมติกส์ของโลกจะปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากกำลังผลิตในประเทศจีนนั้น ยังน่ากังวลมากนัก เพราะเป็นระยะเริ่มต้นของการผลิตน่าจะมีผลผลิตออกมาไม่มากและคาดว่าความต้องการซื้อยังเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่ผู้ผลิตอะโรเมติกส์โลกได้มีการคาดการณ์เป็นอย่างดีแล้วก่อนตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิต
ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ความกังวลว่าอะโรเมติกส์จะล้นตลาด และส่วนต่างราคาขายกับต้นทุนการผลิตที่ติดลบ อาจจะไม่เกิดขึ้นอย่างที่กังวลกัน โดยเฉพาะจีนยังเป็นตลาดที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีค่อนข้างสูง และราคาขายผลิตภัณฑ์ยังดีต่อเนื่องในไตรมาส 3/52 หากราคาอ่อนตัวลงบ้างในไตรมาส4/52 ก็คงไม่มากนัก
บริษัทคาดว่าส่วนต่างราคาขายกับต้นทุน(Margin)ของพาราไซลีนปี 52 ระดับเฉลี่ยจะอยู่ที่ 400-450 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน และส่วนต่างราคาเบนซีนจะมีระดับเฉลี่ยที่ 200-250 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน โดยราคาน้ำมันที่เป็นช่วงขาขึ้นจะส่งผลดีต่อราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ด้วย
นายชายน้อย กล่าวถึงธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันว่า ปีนี้ค่าการกลั่นยังคงไม่ดีนัก ทำให้หลายโรงกลั่นน้ำมันทั่วโลกลดกำลังการผลิตลง แต่ในส่วนของ PTTAR ยังคงเดินเครื่องโรงกลั่น 100% โดยประเมินราคาน้ำมันปีนี้ที่ 50-60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
แม้ว่าการประเมินราคาน้ำมันในครั้งนี้จะเพิ่มขึ้นสูงกว่าประมาณการในช่วงก่อน แต่ยังคาดการณ์ค่าการกลั่นได้ยาก รวมทั้งราคาน้ำมันในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างถี่ ซึ่งไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐาน แต่เกิดจากการเก็งกำไรด้วย อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าปีนี้บริษัทจะไม่ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันเหมือนปี 51
*เชื่อแผนควบรวมโรงกลั่นฯเครือ PTT ชัดเจนในปีนี้หลังได้ที่ปรึกษา
นายชายน้อย กล่าวถึง แผนควบรวมกิจการระหว่างบริษัทในเครือ ปตท.ในกลุ่มโรงกลั่นและอะโรเมติกส์ ซึ่งได้แก่ PTTAR, PTTCH, IRPC, TOP นั้น คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีนี้ว่าแนวทางใดจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเครือ ปตท.หลังจากที่ปตท.ได้เลือกให้ บล.ภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ในขณะที่ PTTAR ยังไม่มีการว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินในการดำเนินการดังกล่าว
“แผนควบรวมกิจการจำเป็นต้องคำนึงถึงประโยชน์ในการควบรวม ต้องจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาการควบรวม ต้องมีBenefit ต่อบริษัท ผู้ถือหุ้น และพนักงาน ต้องศึกษาว่าใครคู่ใครได้ประโยชน์สูงสุด หรือจะรวมกันทั้ง 4 แห่ง ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับบริษัทแม่ โดยเบื้องต้นได้มีภัทรเป็นที่ปรึกษาการควบรวม"นายชายน้อย กล่าว
*ผลโรดโชว์สิงคโปร์-ฮ่องกง ตอบรับดี
นายชายน้อย ยังกล่าวถึงการเดินทางไปโรดโชว์เพื่อชี้แจงข้อมูลต่อนักลงทุนต่างประเทศระหว่างวันที่ 20-21 ก.ค.52 ที่ประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง ได้รับความสนใจจากนักลงทุนดีมาก โดยเป็นการจัดร่วมกับ CLSA ซึ่งนักลงทุนสถาบันต้องการทราบความคืบหน้าของผลการดำเนินงานของบริษัท โดยมีกองทุนประมาณ 20 กองทุน ซึ่งมีทั้งกองทุนใหม่และกองทุนเดิมที่เคยลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท สนใจเข้ารับฟังข้อมูล
อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหุ้นของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นในช่วงนี้คาดว่าเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งนักลงทุนบางส่วนเข้ามาเก็งผลประกอบการไตรมาส 2/52 ที่คาดว่าจะออกมาดี