บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทวานนี้มีมติอนุมัติในหลักการให้ลดทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วของบริษัท โดยการลดจำนวนหุ้นของบริษัทให้น้อยลง เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมทั้งหมดของบริษัทโดยใช้ตัวเลขตามงบการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีของบริษัท
บริษัทคาดว่าจะลดทุนจดทะเบียนและทุนเรียกชำระแล้วลงประมาณ 434,255,994 หุ้น (ซึ่งเป็นตัวเลขผลขาดทุนสะสมจากงบการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีของบริษัท) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ซึ่งจะทำให้บริษัทลดทุนจดทะเบียนและชำระแล้วจากจำนวน 2,300,000,000บาท ให้คงเหลือประมาณ 1,865,744,006 บาท และให้เสนอเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2552 เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
พร้อมกันนั้น คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจากประมาณ 1,865,744,006 บาท เป็นประมาณ 3,148,616,010 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวนประมาณ 1,282,872,004 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท และให้เสนอเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2552 เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป ในวันที่ 21 กันยายน 2552 เวลา 09.00 น
หุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวจะจัดสรรหุ้นจำนวนประมาณ 466,436,002 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม, จัดสรรหุ้นจำนวนประมาณ 466,436,002 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 5 และให้จัดสรรหุ้นจำนวน 350,000,000 หุ้น รองรับการใช้สิทธิของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นของบริษัทตามโครงการ ESOP
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่เป็นจำนวนประมาณ 466,436,002 หุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2552 ตามสัดส่วนการถือหุ้น ในอัตราส่วนการจองซื้อ 4 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.30 บาท
รวมทั้งให้ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทรุ่นที่ 5 ให้แก่ผู้ถือ หุ้นเดิมของบริษัทที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนและได้รับการจัดสรรหุ้น ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญใหม่ ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า จำนวนประมาณ 466,436,002 หน่วย โดยใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย สามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ในราคาหุ้นละ 2.00 บาท โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท
และให้ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานและ/หรือที่ปรึกษาของบริษัทตามโครงการ ESOP ครั้งที่ 1 จำนวนไม่เกิน 350,000,000 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย สามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.50 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พนักงานมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของบริษัท รวมทั้งเพื่อเป็นการตอบแทนการปฏิบัติงาน ของกรรมการและพนักงานของบริษัท
นอกจากนี้ อนุมัติการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม 2552 เป็นต้นไป ได้แก่ นายบี เตชะอุบล จากเดิม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ของนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ จากเดิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็น ประธานอำนวยการ