นายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการ บมจ.การบินไทย(THAI)เปิดเผยว่า ผลประกอบการช่วงครึ่งแรกของปี 52 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนถึง 7 พันล้านบาท แม้ว่าในปีนี้จะมีปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009 และเกิดความวุ่นวายจากการชุมนุมทางการเมือง เนื่องจากฝ่ายยุทธศาสตร์การบริหารได้ปรับเปลี่ยนการบริหารให้สอดคล้องกับภาวะและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ผลกระทบที่บริษัทได้รับไม่มากอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ และดีกว่าสายการบินอื่นที่ผลประกอบการติดลบในระดับสูง
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีการปรับกลยุทธ์การบริหารอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับธุรกิจการบิน และในวันนี้คณะกรรมการได้มีการพิจารณาปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารในสายการพาณิชย์จากนายปานฑิต ชนะภัย โดยมอบหมายให้นายปาณฑิต ไปดูแลฝ่ายทรัพยากรบุคคล เพื่อเป็นการหมุนเวียนไปศึกษางานด้านอื่น
ส่วนตำแหน่งสายการพาณิชย์ทางคณะกรรมการสรรหาจะหาผู้ที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งต่อไป โดยเห็นว่าผู้ที่จะมารับหน้าที่แทนนายปานฑิตจะต้องเป็นผู้ที่เข้าใจและมีประสบการณ์การทำงานต่างประเทศ มีคุณสมบัติโปร่งใส เพื่อเข้ามาดูแลงานทางด้านนี้ที่ถือเป็นหัวใจของธุรกิจการบิน
นอกจากนี้ จะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งระดับ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่(EVP)ที่ปัจจุบันมี 7 ตำแหน่งเพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานและประสบการณ์
ส่วนการแต่งตั้งรองกรรมการผู้อำนวยการ สายกลยุทธ์และแผน(DY)และรองกรรมการผู้อำนวยการสายผลิตภัณและบริการลูกค้า (DA)เชื่อว่ามีความสำคัญและผ่านการพิจารณาว่าควรจะมีแต่งตั้งนี้จากทางคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว ส่วนการสรรหาคงขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสรรหา
นายอำพล กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีการอนุมัติการเพิ่มอำนาจให้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) โดยเฉพาะในการจัดซื้อจัดจ้าง และการอนุมัติงบประมาณในการบริหาร ซึ่งจำเป็นต่อ DD อาทิ การอนุมัติวงเงินการซื้อน้ำมันเพิ่มขึ้น และอำนาจในการแต่งตั้งผู้บริหารในระดับผู้อำนวยการใหญ่(VP)ที่มีประมาณ 40 ตำแหน่ง จากเดิมทีทางคณะกรรมการจะต้องเป็นผู้แต่งตั้ง VP เอง ทั้งนี้ คาดว่า DD คนใหม่จะเข้ามารับตำแหน่งในเดือนต.ค.นี้
"การปรับโครงสร้างที่เกิดขึ้นเป็นการคำนึงถึงประโยชน์ของการบินไทยเป็นสำคัญ โดยดูตัวอย่างจาก ปตท.ที่ให้อำนาจผู้บริหารสูงสุดในการบริหารจัดการ ทำให้บริษัทเติบโต จึงเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลดีต่อการบินไทย" นายอำพน กล่าว