หลายโบรกฯ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC)ประเด็นหลักที่จูงใจยังคงเป็นเรื่องของการจ่ายปันผลสูง ไม่ว่าผลประกอบการจะปรับลดลงอย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ความชัดเจนเรื่อง 3G มีมากขึ้น และมาร์เก็ตแชร์ในตลาดที่สูง ทำให้คาดว่าเมื่อต้นทุนลดลงจะส่งผลดีต่อรายได้ และที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลดลงมาค่อนข้างมากแล้ว ขณะที่โบรกเกอร์บางรายอาจปรับประมาณการราคาเป้าหมายใหม่
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท)
ไม่รวม 3G รวม 3G
สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ซื้อ 99 - บล.บัวหลวง ซื้อ 98 116 บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 99 111-112 บล.เอเซีย พลัส ซื้อ - 100.77 บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 109 -
น.ส.ธริศา ชัยสุนทรโยธิน ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยนครหลวงไทย เลือกหุ้น ADVANC เป็น Top pick โดยมุมมองที่ดูเป็นบวกเพิ่มขึ้นมาจากความคืบหน้าที่จะได้เห็นใบอนุญาต 3G ภายในปีนี้มีมากขึ้นหลังจากที่ กทช.ออกมาพูดเน้นย้ำหลายครั้ง รวมทั้งการออกหลักเกณฑ์คงสิทธิหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่(Mobile number portability)เป็นการย้ำว่าเป็นจุดมุ่งหมายของ กทช.ที่ชัดเจนอยากจะให้เกิด 3G
คิดว่าน่าจะเกี่ยวโยงกันตรงที่เมื่ออยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานเดิมที่ 2.5G ต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้โอเปอเรเตอร์คือ TOT และ CAT แต่พอเป็น 3G เป็นการขอไลเซ่นส์ใหม่นั้น หากลูกค้ายังใช้บริหาร 2.5G และมีการใช้บริการ 3G บางส่วน ก็ต้องยังแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้กับ TOT และ CAT อยู่ วิธีก็คือต้องพยายามโอนลูกค้าจาก 2.5G มายัง 3G คือได้รายได้เท่าไรก็เข้า 3G ทั้งหมด ก็ไม่ต้องไปจ่ายส่วนแบ่งรายได้แล้ว ซึ่งจะทำให้ต่อไปต้นทุนก็ต้องลดลง เป็นผลบวกต่อไปในอนาคตว่าต้นทุนที่ลดลงก็จะทำให้กำไรของบริษัทดีขึ้น ตรงนี้เป็นจุดนิมิตหมายที่บวก
ADVANC ในฐานะมีมาร์เก็ตแชร์สูงที่สุด หากต้นทุนลดลงก็จะมีรายได้มากที่สุด เป็นจุดที่เป็นประเด็นบวกของกลุ่มว่าจะช่วยลดต้นทุน(cost)ไป อย่างไรก็ตาม คิดว่าความเร็วช้าในการที่จะเห็นประโยชน์จากการลดต้นทุนอยู่ที่การย้ายลูกค้าด้วยใครทำได้เร็วก็จะ saving cost ไปได้มากเท่านั้น
ภาพรวมราคาหุ้น ADVANC ก่อนหน้านี้ลดลงไปมากก่อนจะปรับขึ้นมาบ้าง แต่สิ่งที่น่าจูงใจมากกว่า คือ เรื่องของเงินปันผลที่กำหนดจ่ายชัดเจน 6.30 บาท/หุ้น ครึ่งปีแรกจ่าย 3 บาท คิดเป็น yield ณ ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 7% ซึ่งจูงใจกว่าเมื่อเทียบกับ DTAC ที่จ่ายเงินปันผลน้อยกว่าและ yield ต่ำกว่า เพราะถึงแม้ผลประกอบการลดลงก็การันตีว่าจะจ่ายปันผล 6.30 บาท/หุ้น
ไตรมาส 2/52 โอเปอเรเตอร์ทุกรายมีผลประกอบการลดลงแน่นอนตาม seasonal อีกทั้งผลกระทบจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่อรายได้บริการ international roaming และโทรทางไกลต่างประเทศ แต่รายได้ไตรมาส 2/52 อาจจะลดลงจากไตรมาส 1/52 ไม่มากนักเพราะไตรมาส 1/52 ค่อนข้างแย่อยู่แล้ว
"ผลประกอบการไตรมาส 2/52 ลดลงเมื่อเทียบกับ qoq และ yoy แต่รู้กันอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนรับทราบว่าไตรมาสนี้จะชะลอตัวลง คิดว่า earning คงไม่ใช่ประเด็นที่จะเซอร์ไพร์ซมากนัก ต่อจากนี้ก็คงต้องดูเรื่องของ 3G มากขึ้น และเรื่องของอินเตอร์คอนเนคชั่นชาร์จ(IC)ไม่รู้ว่าจะจบตรงไหน ราคาเป้าหมายไม่รวม 3G อยู่ที่ 99 บาท ถ้ารวม 3G คงต้องปรับใหม่" น.ส.ธริศา กล่าว
นายประสิทธิ์ สุจิรวกุล นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง มอง ADVANC มีเรื่องใบอนุญาต 3G รออยู่ ส่วนผลประกอบการก็รู้อยู่แล้วว่าจะอ่อนตัวลงทั้ง qoq และ yoy ครึ่งปีหลังฟื้นหรือไม่ก็ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจน แต่หวังว่าน่าจะเห็นอะไรที่ดีขึ้นในไตรมาสที่ 4/52
"ราคาที่ไม่ รวม 3G อยู่ที่ 98 บาท รวม 3G อยู่ที่ 116 บาท ปันผลจ่าย 6.30 บาท/หุ้นอยู่แล้วทั้งปี เห็นมา 3 ปีก็ประมาณนี้ ถึงแม่ปีนี้โอเปอเรชั่นจะซอฟลงก็จ่าย 6.30 บาท ยังซื้อได้" นายประสิทธิ์ กล่าว
ส่วนประเด็นอื่นค่อนข้างรอความหวังอยู่ว่าจำนวนนาทีที่ใช้(MOU)จะฟื้น แต่ดูเหมือนว่าไตรมาส 3/52 จะมีเรื่องไข้หวัดสายพันธ์ใหม่และอื่นๆ ก็ยังไม่ค่อยชัดเจนคงจะไปหวังในไตรมาส 4/52 แทนว่าน่าจะมีอะไรที่ดีขึ้น
นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)ระบุว่า รอข่าวเรื่อง 3G และการคงสิทธิเลขหมาย(number portability) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ต้องรอดูกำหนดบังคับใช้ แต่โอเปอเรเตอร์ก็บอกว่าปีนี้คงไม่ได้ ก็ยังไม่ใช้ตอนนี้ ครึ่งปีหลังคงดีขึ้นแต่ไม่ได้ดีมาก
ผลประกอบการ ADVANC ไตรมาส 2/52 คาดกำไรลดลง 8% qoq และ ลดลง 33.8% yoy ราคาเป้าหมายหากรวม 3G คงจะต้องปรับขึ้นใหม่คาดบวกไปอีกประมาณ 12-13 บาท จากเดิมให้ 99 บาท ขณะที่การจ่ายปันผล 6.30 บาท/หุ้น เหมือนเดิม ไม่ต่ำกว่านี้ถึงแม้ว่าผลประกอบการจะแย่ลง
บล.เอเซีย พลัส ยังคงเลือก ADVANC เป็นหุ้น Top pick เพราะได้เปรียบทั้งด้านฐานลูกค้าและเครือข่าย นอกจากนี้ในปี 52 คาดว่าบริษัทจะมีกำไรปกติทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 51 ประกอบกับ มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง สภาพคล่องสูงสุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งขัน จึงคาดว่าจะยังสามารถจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 52 ในอัตราสูงที่ 6.30 บาทเช่นเดียวกับปี 51 โดยคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลสำหรับช่วง 1H52 ที่อัตรา 3.0 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล(dividend yield)ราว 7% ต่อปี นับว่าโดดเด่นสุดเมื่อเทียบกับในกลุ่ม ราคาเหมาะสมประเมินด้วยวิธี DCF (รวมประโยชน์จาก 3G) อยู่ที่ 100.77 บาท ยังมี upside 15%