นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ. อาร์เอส(RS)เปิดเผยว่า การดำเนินงานของอาร์เอสจนถึงสิ้นปี 52 จะยังคงเน้นการเป็นผู้ผลิตและผู้บริหารจัดการคอนเทนต์บันเทิงและกีฬาอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานของทุกหน่วยธุรกิจ ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนด้วยความระมัดระวัง จะเห็นได้จากอัตราการทำกำไรขั้นต้นและอัตราการทำกำไรสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 21 % และ 3% ตามลำดับ
อีกทั้ง ยังมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจทำลังดีขึ้น และกำลังก้าวผ่านจุดต่ำสุดของกราฟรูปตัววี (V Shape) มาแล้ว มั่นใจว่าธุรกิจของอาร์เอส ในฐานะผู้นำเครือข่ายความบันเทิงครบวงจรก็ยังมีโอกาสเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
นายดามพ์ กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังธุรกิจสปอร์ต(Sport)ก็ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง กับการคว้าลิขสิทธิ์บอลโลก 2010 (FIFA World Cup South Africa 2010) ซึ่งได้ผลการตอบรับจากสปอนเซอร์และลูกค้ารายใหญ่เป็นอย่างดี
นอกจากนี้การลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มาแรงอย่าง แซทเทลไลท์ ทีวี นั้น บริษัทฯ มองว่าตลาดในปัจจุบันมีความพร้อม กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ต่างก็เปิดใจรับชมแซทเทลไลท์ ทีวี มากขึ้น ควบคู่กับความพร้อมของอาร์เอส ที่มีความแข็งแกร่งทางด้านคอนเทนต์เป็นทุนเดิม อีกทั้งยังมีกลุ่มผู้ฟังที่ชัดเจนมาโดยตลอด จึงมองว่าการเดินหน้าลุย ธุรกิจแซทเทลไลท์ ทีวี ด้วยการเปิดช่องรายการทีวีพร้อมกัน 2 ช่อง อันได้แก่ ช่อง YOU Channel และทีวี มาเอาใจคนฟังเพลงในปีนี้ จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
"บริษัทฯมองว่าเมื่อเราสามารถเดินหน้ากลุ่มธุรกิจทั้งหมดของ อาร์เอส ไปพร้อมๆกัน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่ม Entertainment & Sport Content Provider ซึ่งประกอบไปด้วย ธุรกิจเพลงและดิจิตอล โชว์บิซ ภาพยนตร์ กีฬา และกลุ่ม Media Service ประกอบด้วย ธุรกิจทีวี วิทยุ สื่อในโมเดิร์นเทรด ซึ่งทั้งหมดจะเป็นช่องทางสำคัญในการนำเอา Content ของ อาร์เอส ไปต่อยอด ภายใต้แนวคิดการ Synergy ธุรกิจทั้งหมดมาสนับสนุนซึ่งกันและกัน อันจะทำให้ธุรกิจทั้งหมดของกลุ่มอาร์เอส มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น" นายดามพ์ กล่าว
นายดามพ์ กล่าวต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2/52 มีรายได้รวม 491.6 ล้านบาท ถึงแม้รายได้รวมจะปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เนื่องด้วยผลการดำเนินงานดังกล่าว เมื่อหักต้นทุนการขายและผลิตรวม 398.4 ล้านบาท บวกกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวม 80.3 ล้านบาทแล้ว ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯมีกำไรสุทธิ 16.4 ล้านบาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 328.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 105.3 ซึ่งสามารถพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิกว่า 311.7 ล้านบาท
ทั้งนี้ โดยภาพรวมของบริษัทฯในไตรมาสนี้แสดงตัวเลขที่ปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจเพลงและดิจิตอล ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ ยูสเซอร์-เซ็นเตอร์ คอนเทนต์ อินโนเวชั่น (User-Centered Content Innovation) ก็ยังคงมีรายได้จากดิจิตอล คอนเทนต์ ที่เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอและเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถทำรายได้ไปกว่า 184.6 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 35.9 ล้านบาท หรือโตขึ้นประมาณ 24.1 % ควบคู่กับการที่บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการในเรื่องของปรับลดค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารจัดการลงได้ถึงประมาณร้อยละ 30 (ไม่รวมรายการค่าเผื่อฯต่างๆ) จึงส่งผลให้บริษัทฯ มีผลประกอบการรวมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว