นายวรเจตน์ อินทามะระ กรรมการ บมจ. ซีฮอร์ส(SH) กล่าวว่า บริษัทจะยังคงเดินหน้าขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 31 ส.ค.นี้เพื่อขายธุรกิจอาหารให้กับบริษัท ซีฮอร์ส อินเตอร์เทรด จำกัด แม้ว่าที่ปรึกษาการเงินอิสระ(IFA)จะเสนอแนะกับผู้ถือหุ้นว่าไม่ควรอนุมัติการขายทรัพย์สินธุรกิจอาหาร และให้บริษัทชะลอการขายไว้ก่อน หรือทำการเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ราคาขายที่สูงกว่าราคาประเมินคือ 670 ล้านบาท
ทั้งนี้ IFA ได้ประเมินราคาขายธุรกิจอาหารที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 780.58 ล้านบาท
นายวรเจตน์ กล่าวว่า การเสนอความเห็นของที่ปรึกษาการเงินอิสระเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ความเป็นกลาง ส่วนจะมีผลต่อการตัดสินใจของผู้ถือหุ้นมากน้อยเพียงใด คงไม่สามารถคาดเดาได้ แต่เท่าที่ได้อ่านที่ปรึกษาการเงินก็มีทั้งแสดงความเห็นสนับสนุและคัดค้านไปตามเหตุและผล ขณะที่คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
"ผมเชื่อว่ามติกรรมการที่มีค่อนข้างชัดเจนว่าเหตุผลที่ต้องการขายคืออะไร แล้วก็ด้วยราคาที่ได้รับการเสนอซื้อมาเป็นราคาที่สูงที่สุด เพราะเราไม่ได้เปิดขายแบบเฉพาะเจาะจง แต่เปิดประมูลให้คนทั่วไปที่สนใจมาซื้อ แต่เนื่องจากว่าเปิดไปแล้วไม่มีคนอื่นนอกจากรายนี้มาซื้อ และเมื่อพิจารณาแล้วราคานี้นี้ก็เป็นราคาที่เหมาะสม"นายวรเจตน์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
กรรมการ SH เปิดเผยว่า แม้ราคาที่ตกลงขายจะไม่ได้สูงมากที่สุดเท่าที่อยากได้ เพราะบริษัทเองก็ได้ทำการประเมินไว้สูงพอๆกับราคาที่ IFA ประเมิน แต่เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ทำให้การขายธุรกิจให้ได้ราคาสูงเป็นไปได้ยาก เพราะประการแรก คือ ไม่มีคนสนใจในสินทรัพย์นี้ทำให้เปิดประมูลแล้วไม่มีผู้เสนอแข่งราคา ประการที่สอง เรื่องราคาเมื่อพิจารณาแล้วที่ 670 ล้านบาทถือว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้ ประการที่สาม มองอนาคตแล้วธุรกิจอาหารคงไม่สามารถสร้างผลกำไรได้เพราะมีแต่ผลขาดทุน
และเนื่องจากระยะเวาลาการประมูลสิ้นสุดไปนานพอสมควร จึงไม่สามารถทำการเจรจาต่อรองราคาได้แล้ว แต่ถึงต่อรองไม่ได้แล้ว แต่บอร์ดก็เห็นว่าเป็นราคาที่เหมาะสม ซึ่งในด้านความเสี่ยงในเรื่องของความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายระหว่างที่การโอนทรัพย์สินยังไม่เสร็จสิ้น บริษัทมีการเซ็นเอกสารรับรองเรียบร้อยแล้ว ถือว่าเป็นการปิดความเสี่ยงไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับการตัดสินใจหันมาทำธุรกิจเอทานอล บริษัทได้ดำเนินการทุกวิธีแล้วเพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงิน การเพิ่มทุน หาพันธมิตรทำธุรกิจเอทานอล รวมทั้งพิจารณาธุรกิจอื่นๆ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้น
นายวรเจตน์ ยังแสดงความมั่นใจต่อธุรกิจเอทานอลว่า บริษัทได้ใช้เวลาศึกษาโครงการมานาน จึงไม่มีความเสี่ยงเรื่องบริษัทอาจต้องหยุดประกอบกิจการทั้งหมด หรือเกือบทั้งหมด และมีความเสี่ยงอาจถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
"เราค่อนข้างมั่นใจว่าโครงการเอทานอลของบริษัทได้มีการปูพื้นฐานมาแน่น เพราะใช้เวลาศึกษาโครงการมาพอสมควร ไม่ใช่คิดเอทานอลได้วันนี้ พรุ่งนี้ขายอาหารออกไป แต่ผ่านกระบวนการมาเยอะ ทำ สปก. ธกส. ลงทุนด้านไร่มันสำปะหลัง เทคโนโลยีโรงงานที่ราคาดี สร้างผลผลิตได้แน่ ทำให้บริษัทมั่นใจว่าโครงการเอทานอลของบริษัทคงจะเกิดในเร็ววันนี้"นายวรเจตน์ กล่าว