นายวิฑูร นิรันตราย รองประธานกรรมการ บมจ.สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย (SMM) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า มีแนวโน้มว่ารายได้ปีนี้น่าจะทำได้ใกล้เคียง 600 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 30% จากปี 51 ที่มีรายได้ 458 ล้านบาท โครงสร้างรายได้มาจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ประเภทหนังสือการ์ตูนและนิตยสาร ประมาณ 50%, ธุรกิจร้านหนังสือ Book Friends ประมาณกว่า 20%, ธุรกิจวิทยุ ไม่ถึง 10% และที่เหลือเป็นธุรกิจอื่นๆ
พร้อมกับเชื่อว่าปี 52 จะสามารถพลิกมาเป็นกำไรสุทธิแน่นอน จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิประมาณ 102 ล้านบาท โดยงวด 6 เดือน บริษัทสามารถพลิกมามีกำไรสุทธิแล้ว 11.964 ล้านบาท จากงวด 6 เดือนของปี 51 ที่มีผลขาดทุน 46.596 ล้านบาท เป็นผลมาจากยอดขายหนังสือการ์ตูนดีขึ้นมาก ทั้งจากเรื่องใหม่ที่ออกจำหน่าย และการ์ตูนเก่าที่ยังสามารถขายได้เรื่อยๆ ประกอบกับมีการบริหารต้นทุนที่ดี
ทั้งนี้คาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก ทำให้เชื่อว่าปีนี้กำไรแน่นอนและเมื่อหักขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 36 ล้านบาทหมดแล้วก็หวังว่าจะจ่ายเงินปันผลในช่วงปลายปี และถือเป็นครั้งแรกใน 2 ปี ซึ่งตามนโยบายกำหนดจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
"ถ้าปันผลได้เราปันแน่ และหลังจากนี้จะพยายามไม่ให้ขาดทุนแล้ว"นายวิฑูร กล่าว
*ธุรกิจการ์ตูนไทย-เทศรุ่ง ตปท.ติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์คาดชัดเจนใน Q4/52
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจหนังสือการ์ตูน ทั้งการ์ตูนต่างประเทศและการ์ตูนไทยที่บริษัทได้รับลิขสิทธิ์จากค่ายหนังในประเทศให้จัดพิมพ์ก่อนหนังเข้าฉายประมาณ 1 เดือน หรือไม่ก็ออกขายพร้อมกับหนังฉาย ต่างได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อาทิ ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น, หนีตามกาลิเลโอ ส่วนการ์ตูนต่างประเทศที่ทำยอดขายอันดับหนึ่งให้บริษัท คือ One Peace ซึ่งปัจจุบันพิมพ์ออกมากว่า 50 ตอนแล้ว, แขนกล, Reborn ฯลฯ
"การ์ตูนเราขายดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ One Peace ซึ่งปัจจุบันถึงเล่มที่ 50 แล้ว แต่บางคนเพิ่งมาอ่านแล้วก็ซื้อย้อนหลัง การ์ตูนพวกนี้ขายได้เรื่อยๆ เพราะสำหรับหลายคนเป็นเหมือนของสะสม C-Kids"นายวิฑูร กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการ์ตูนไทยที่ได้ลิขสิทธิ์จากค่ายหนังดังในประเทศ เช่น GTH ที่ให้สิทธิจัดพิมพ์การ์ตูนก่อนหนังเข้าฉาย 1 อาทิตย์โดยประมาณ อาทิ "ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น" และล่าสุด"หนีตามกาลิโอ" และที่กำลังลงมือวาดกันอยู่ จะวางตลาดประมาณเดือนกันยายน คือ 5 แพร่งของค่าย RS ซึ่งหนังจะเข้าฉายวันที่ 9 เดือน 9 ปี 09
"หนังสือการ์ตูนเราจะแตกต่างจากหนัง สมมติดูหนังแล้วอยากทราบที่มาที่ไปของตัวละครเราจะเอาตรงนั้นมาเขียนว่าก่อนพระเอกนางเอกจะมาโลดแล่นบนจอ มีความเป็นมายังไง มีความสัมพันธ์กันยังไง เพราะฉะนั้นการอ่านการ์ตูนเราจะทำให้การดูหนังสนุกสนานขึ้น"นายวิฑูร กล่าว
"ธุรกิจการ์ตูนจากหนังเป็นความร่วมมือซึ่งกันและกัน ค่ายหนังก็ได้ในเรื่องการประชาสัมพันธ์ เราเองก็ได้ขายหนังสือ ต่างคนต่างเอื้อกัน ส่วนเรื่องรายได้ต่างคนต่างรับในส่วนของตัวเอง"นายวิฑูร กล่าว
นายวิฑูร คาดว่าปีนี้จะมีหนังสือการ์ตูนออกใหม่วางจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 200 เรื่อง จาก 100 เรื่องในปีก่อน โดยการ์ตูนต่างประเทศจะวางจำหน่ายประมาณ 10 เรื่อง/เดือน เพิ่มขึ้นจาก 7-8 เรื่อง/เดือนในปีก่อน ส่วนการ์ตูนไทยก็จะมีวางแผงเพิ่มขึ้นเป็น 4 เรื่อง/เดือน จาก 2 เรื่อง/เดือนในปีก่อน และผลจากการบริหารต้นทุนที่ดีทำให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นก็น่าจะทำได้ดีขึ้นมาที่ 30-40% จากปีก่อนอยู่ในระดับไม่ถึง 30%
ปัจจุบัน สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย มีส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 3 ในตลาดหนังสือการ์ตูน ใกล้เคียงสูสีกับสำนักพิมพ์เนชั่น และสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ
"บอกไม่ถูกว่าใครนำใคร สูสีกันตลอด เพราะต่างคนต่างมีเรื่องฮิตติดตลาดของตัวเอง"นายวิฑูร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีต่างประเทศเริ่มให้ความสนใจติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนไทยไปตีพิมพ์เป็นภาษาต่างประเทศ คาดว่าจะชัดเจนในไตรมาส 4/52
"ตอนนี้มีต่างชาติมาซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนไทยของเราไปตีพิมพ์เป็นภาษาของบ้านเค้า เช่น เกาหลี มาเลเซีย ญี่ปุ่น กำลังเจรจากันอยู่ เพราะค่อนข้างละเอียดอ่อน คาดว่าจะเริ่มประมาณไตรมาส 4 นี้ ค่อยๆ ก้าวไป ดีกว่าไม่นับหนึ่ง"นายวิฑูร กล่าว
*เตรียมนำเข้า"แข่งซูโม่"มาไทยประมาณปี 53 คาดใช้เงินลงทุน 100 ลบ.
นายวิฑูร กล่าวถึงธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจวิทยุคลื่นกีฬา FM 96 Sport Radio ดีขึ้นมากจากปี 51 เนื่องจากมีการปรับรายการทั้งหมด จากที่ผ่านมาที่ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่ แต่หลังจากเราให้ความสนใจเป็นพิเศษ ทำให้เมื่อพูดถึงคลื่นกีฦา ต่างก็พูดถึง คลื่น 96 ซึ่งคลื่นนี้มีอายุสัมปทาน 2 ปี (ต้นปี 52-ต้นปี 54) ซึ่งเมื่อหมดสัญญาก็จะพยายามต่อสัญญา นอกจากนี้มีคลื่นวิทยุชุมชน 106.75 ซึ่วงรายได้ก็ดีกว่าปีที่แล้วเช่นกัน อาจจะเป็นเพราะหลังๆ มานี้คนให้ความสนใจกีฬามาก
ส่วนธุรกิจอีเว้นท์ กำลังเจรจาเตรียมจะนำเข้าการแข่งขันซูโม่มาประเทศไทย คาดว่าจะได้เห็นในปี 53 ซึ่งหากได้ทำจริงก็คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท แหล่งเงินทุนมาจากกู้สถาบันการเงินและเงินทุนหมุนเวียน
"เรากำลังคุยอยู่คือเอาคนญี่ปุ่นมาปล้ำซูโม่ในเมืองไทยเลย แต่ยังไม่แน่นอน ถ้าได้มาก็น่าจะเป็นปี 53"นายวิฑูร กล่าว
*เปิดบ้านพร้อมต้อนรับพันธมิตรทุกรูปแบบ
ส่วนเรื่องของพันธมิตรนั้น นายวิฑูร กล่าวว่า จนถึงตอนนี้บริษัทยังพร้อมเปิดรับพันธมิตรทุกรูปแบบทั้งร่วมทุน เทคโอเวอร์ แต่ว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีติดต่อมาในลักษณะนั้น ส่วนใหญ่เป็นแค่คู่ค้าทางธุรกิจเท่านั้น
"เราก็อยากให้ติดต่อมา จะได้มาช่วยกันทำงาน ไม่หวงธุรกิจ อะไรที่ทำให้ผู้ถือหุ้นได้ดี เข้ามาเลย แต่ตอนนี้ไม่มีจริงๆ"
เมื่อเวลา 15.34 น. ราคาหุ้น SMM อยู่ที่ 0.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท (+4.92%)
ราคา SMM-W1 อยู่ที่ 0.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท (+15.38%)