โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 1.30 บล.โกลเบล็ก ซื้อเก็งกำไร 0.86 บล.ยูไนเต็ด ซื้อเมื่ออ่อนตัว 0.80 บล.ไอร่า ซื้อเมื่ออ่อนตัว 0.80 บล.กสิกรไทย Neutral 0.75 บล.เอเซียพลัส ซื้อเมื่ออ่อนตัว 0.64 บล.ดีบีเอสฯ Fully Valued 0.52
นายเถลิงศักดิ์ ตันติพินธวัตร บล.ทรีนีตี้ ให้มุมมองว่า วานนี้ราคาหุ้น HEMRAJ ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 24.6% คาดว่าส่วนหนึ่งมาจาก HEMRAJ-W ซื้อขายวันสุดท้ายเมื่อวานนี้ จึงทำให้มีการเก็งกำไร เพื่อให้นักลงทุนแปลงสภาพ Warrant(ราคาแปลง 0.283 บาท แปลงในอัตราส่วน 1:1 จำนวน Warrant 289 ล้านหน่วย)และอีกส่วนหนึ่งมาจากราคาหุ้นที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำมานาน
แม้ผลประกอบการในปี 52 คาดว่าจะลดลงมากโดยคาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 60% YoY แต่เรามองว่าราคาหุ้นสะท้อนข่าวร้ายไปแล้ว แนวโน้มการขายที่ดินในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะดีขึ้น และปัจจุบันราคาหุ้น HEMRAJ ซื้อขายที่ PBV ต่ำกว่า 1 เท่า เทียบกับในอดีตที่ซื้อขายที่ PBV 1.5 เท่า ดังนั้น แม้ราคาจะปรับตัวขึ้นไปแล้ว แต่เรายังมองว่ายังอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับผลประกอบการในปี 53 ที่จะฟื้นตัวดีจากการรับรู้รายได้จากคอนโดฯ ที่ชิดลมประมาณ 1,000 ล้านบาท และปี 2554 บริษัทก็จะมีรายได้จากโรงไฟฟ้า GHECO-ONE เข้ามาเต็มปีอีกดังนั้นอนาคตของบริษัทค่อนข้างดี
นอกจากนี้บริษัทยังมีความเสี่ยงทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ โดยมี D/E ในไตรมาส 2/52 เพียง 0.65 เท่า ซึ่งต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่น (D/E ไตรมาส 2/52 AMATA 1.2 เท่า ROJNA 1.93 เท่า) เราจึงแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 1.3 บาท (PBV 1.5 เท่า)
นักวิเคราะห์ บล.ยูไนเต็ด ระบุว่า HEMRAJ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/52 ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ ถือว่ายังสามารถรักษาระดับกำไรได้ดี ขณะที่แนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว จากการที่บริษัทอ้างว่ามีลูกค้าเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรมมากขึ้นในช่วงต้นไตรมาส 3/52 รวมทั้งยังมีเจรจากับลูกค้าประมาณ 4-5 ราย เป็นจำนวนที่ดินกว่า 250-300 ไร่ โดยมองเป้าหมายยอดขายที่ดินในปีนี้ 400-500 ไร่ และคาดว่าภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในรอบนี้ไม่น่าจะกระทบจนเหลือยอดขายที่ต่ำเพียง 90 ไร่เหมือนในปี 2541
ส่วนแผนการร่วมทุนสร้างโรงไฟฟ้า GHECO-One ด้วยเงินลงทุน 4.5 พันล้านบาทนั้นคาดว่าจะสร้างเสร็จในเดือน ก.ย.54 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนในระยะยาว
ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ช่วงนี้ยังไม่เห็นสัญญาณอะไรที่จะดีขึ้น เพราะการขายที่ดินก็ยังไม่ค่อยมีในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ส่วน Outlook ที่จะเกิดขึ้นก็ยังไม่ค่อยมีความชัดเจนนัก เพราะตอนนี้นักลงทุนยังอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว ทำให้มองเรื่องข่าวการขายที่ดินคงยังไม่ได้มีประเด็นอะไร
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมเดอะปาร์ค เข้าใจว่าอาจจะมีการเลื่อนการเปิดขายส่วนที่เหลือไปเป็นปี 53
"ถ้าดูองค์ประกอบเหล่านี้ และหากยังไม่มีรายการขายที่ดินเพิ่มเติมเข้ามาจาก 6-7 ไร่ในไตรมาสแรก และ 10 ไร่ในไตรมาส 2 ก็ยังไม่มีอะไรโดดเด่น และค่อนข้างเหนื่อย แม้ว่าจะมีข่าวว่าผู้บริหารกำลังเจรจากับลูกค้า 4-5 ราย ซึ่งก็มีอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสรุปเมื่อไหร่ ตอนนี้น่าจะมีเพียงธุรกิจการขายบริการระบบสาธารณูปโภคภายในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งอาจจะทำให้ภาพดูดีขึ้นมาบ้าง
อย่างไรก็ตาม หากถ้านักลงทุนสนใจหุ้นตัวนี้ แนะนำให้ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ราคาเป้าหมาย 0.64 บาท/หุ้น
ขณะที่ บล.ไอร่า มองว่า ผลงานไตรมาส 2 โดดเด่น qoq จากรายได้ขายที่ดินที่เพิ่มขึ้น และค่าบริการที่เติบโตต่อเนื่อง ขณะที่มีเงินปันผลจำนวน 35 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบไตรมาส 2/51 ชะลอตัว หลักๆ จากรายได้ขายที่ดินที่ลดลงกว่า 50% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308% qoq แต่ลดลง 23%yoy
แม้ครึ่งปีแรกจะมียอดขายที่ดินต่ำเพียง 15 ไร่ แต่จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่คาดมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ คาดน่าจะส่งผลดีต่อยอดขายที่ดินในครึ่งปีหลังน่าจะทำได้ดีกว่าครึ่งปีแรกที่คาดน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในครั้งนี้มีการปรับราคาเป้าหมายปี 52 โดยเพิ่ม PE จากเดิม 8 เท่าเป็น 10 เท่า (เฉลี่ย PE ที่ใช้ซื้อขายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา) ทำให้ราคาเพิ่มจาก 0.64 บาท เป็น0.80 บาท จากราคาปัจจุบันมี Upside 21% และ Div.Yield อีก 7% ปรับคำแนะนำจากเดิม “ขาย"เป็น “ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว"