LH เพิ่มงบซื้อที่ดินปีนี้เป็น 3.5-4 พันลบ.เล็งเปิด 14 โครงการใหม่ปี 53

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 25, 2009 09:07 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

บล.ธนชาต เปิดเผยว่า ผู้บริหาร บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH)ชี้แจงข้อมูลในระหว่างงาน Thai Corporate Day ที่สิงคโปร์ และฮ่องกงว่า ในปีนี้บริษัทได้ปรับเพิ่มงบลงทุนซื้อที่ดินใหม่เป็น 3.5-4.0 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 3 พันล้านบาท โดยมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 14 โครงการในปีหน้า จากที่เปิดตัวไป 12 โครงการในปีนี้

"LH มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ราว 14 โครงการ ในปี 2010 เทียบกับ 12 โครงการในปี 2009 ผู้บริหารมีแผนว่าในช่วงเวลาหนึ่งๆ บริษัทฯ จะต้องมีโครงการที่ active อย่างน้อย 50 โครงการเสมอ"บล.ธนชาต ระบุ

ทั้งนี้ นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ และ นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ LH ได้กล่าวกับผู้จัดการกองทุนจำนวน 69 กองทุน จาก 58 สถาบัน ที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ มาจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากกว่าอย่างอื่น ซึ่งเชื่อว่าความเลวร้ายได้จบลงแล้ว และรู้สึกเป็นบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะมาถึงในปี 53

ในช่วงสิ้นไตรมาส 2/52 บริษัทสามารถลดโครงการคงค้างลง โดยลดลงทำสถิติต่ำสุดใหม่ในรอบ 4 ปีที่ 500 ยูนิต หรือราว 1.5 เดือนของการขาย ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้นในช่วงเม.ย.52 และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง เนื่องจากวิกฤตทางการเงินทั่วโลก ซึ่งผู้บริหารยอมรับว่ายอดขาย และกำไรที่ฟื้นตัวในช่วง 2Q09 นั้นเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย

นอกจากนี้ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นยังมีสาเหตุมาจากอัตรากำไรที่ดีขึ้นอีกด้วย บริษัทฯ กล่าวว่า การที่อุปทานที่อยู่อาศัยที่ลดลงมีสาเหตุมากจากการที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายเล็กขาดแคลนเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งส่งผลให้ LH มีแผนที่จะซื้อที่ดินเพิ่มในปีนี้ และปรับเพิ่มงบลงทุนมาอยู่ที่ 3.5-4.0 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไวที่3 พันล้านบาท นอกจากนี้ผู้บริหารยังระบุว่าโครงการที่บริษัทฯ จะเน้นมากขึ้นในอนาคตคือ โครงการบ้านเดี่ยวระดับ high-end ทาวน์เฮ้าส์ราคาขนาดกลาง และคอนโดมิเนียมสำหรับผู้มีรายได้ระดับกลาง และสูง

ขณะนี้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 30-32% สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยแบบ low rise และ 35% ลูกค้าของ LH สามารถกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้ถึง 95-100% ของมูลค่า เทียบกับระดับปกติที่ 80%

บล.ธนชาต แนะนำ “ถือ" สำหรับ LH โดยมีราคาเป้าหมาย ซึ่งคำนวณโดยวิธี SoTP ที่ 6 บาท/หุ้น เนื่องจากมูลค่าของ LH อยู่ในระดับที่สูงกว่าผู้นำรายอื่นราว 40-50% แต่อย่างไรก็ตาม มีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ และแนวโน้มอัตรากำไรที่ดีขึ้นของบริษัทฯ



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ