นายพีรเจต สุวรรณภาศรี รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล(UKEM)คาดว่า กำไรสุทธิในปี 52 จะดีขึ้นจากปี 51 ที่มีกำไร 47 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จะต่ำลง เนื่องจากราคาขายปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)สูงขึ้นมาที่ 13% จาก 9.51% ในปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรสุทธิก็จะปรับตัวดีขึ้นด้วย โดยครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นมาที่ 3.28% จากปีก่อนอยู่ที่ 1.87%
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ายอดขายในปีนี้จะอยู่ที่ 2.0-2.2 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 2.5 พันล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังบริษัทคาดว่าจะทำยอดขายได้สูงกว่าครึ่งปีแรกที่ทำได้ 953 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะรับผลดีจากเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว อีกส่วนหนึ่งมาจากการขยายฐานลูกค้าเพื่อลดความเสี่ยงการพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่เป็นหลัก ตามแผนเชิงรุกของบริษัท
"เราคิดว่ากำไรปีนี้น่าจะดีกว่าปีก่อน เพราะครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 31 ล้านบาท โดยแนวโน้มราคาไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4 ก็น่าจะขึ้นไปต่อตามราคาน้ำมันดิบ ซึ่งราคาเคมีภัณฑ์จะปรับตัวสูงกว่าราคาน้ำมัน แต่ก็ยังกลัวว่าไตรมาส 4 ราคาน้ำมันจะผันผวนไปอย่างไร"นายพีรเจต กล่าว
นอกจากนี้ สาเหตุที่ทำให้กำไรของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นยังมาจากต้นทุนสินค้าถูกลงในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ทำให้บริษัททยอยเก็บสต็อกสินค้าที่มีต้นทุนต่ำเอาไว้อย่างต่อเนื่อง และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 3%
นายพีรเจต กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการตั้งโรงงานเคมีภัณฑ์แห่งใหม่ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท แต่ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าจะดำเนินการเมื่อใดหรืออย่างไร
พร้อมกันนั้น ยังศึกษาการขยายธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ ได้แก่ การจำหน่ายน้ำมันเครื่อง และ เคมีผง เป็นต้น เพื่อให้กำไรมีเสถียรภาพมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีความโดดเด่นด้านความหลากหลายของสินค้าที่มีกว่า 70 รายการ
"ปีนี้เราโตขึ้นค่อนข้างมีนัยสำคัญ เพราะมูลค่าอัตรากำไรสุทธิดีกว่าปีที่แล้ว เป็นปีที่ดีที่สุดของเราปีหนึ่ง"นายพีรเจต กล่าว