โบรกฯ ให้คำแนะนำ"ถือ" หรือ"ซื้อ"หุ้นบมจ. สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) จากที่มองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์น่าจะเห็นภาพฟื้นต่อเนื่องได้ตั้งแต่ปลายปีนี้จนถึงปีหน้าโดยเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นในครึ่งหลังปี 52 จากหลายปัจจัยด้วยกัน อาทิ งบฯภาครัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำซึ่งกระตุ้นแรงซื้อต่อเนื่อง และราคาน้ำมันที่มีทิศทางทรงตัว ที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นกลับมา
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) บล.เมอร์ชั่นฯ ซื้อ 15.00 บล.ฟิลลิป ซื้อ 9.35 บล.ยูไนเต็ด ซื้อเก็งกำไร 8.50 บล.กิมเอ็ง ถือ 7.00 บล.เอเซียพลัส ถือ 6.98
นักวิเคราะห์ บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ มองว่า แม้ว่า SAT จะมีกำไรในงวดครึ่งปีแรกเพียง 27 ล้านบาท แต่เรามองว่ากำไรจะปรับตัวดีขึ้นมากในครึ่งปีหลัง เพราะยอดการผลิตรถยนต์ในครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะเติบโต 18% เป็น 5.1 แสนคันจาก 4.3 แสนคันในงวดครึ่งปีแรก, คำสั่งซื้อของคูโบต้าที่มีมากขึ้นหลังจากที่เริ่มผลิตให้ในไตรมาส 2/52
นอกจากนี้ อัตราการใช้กำลังการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 57% ในไตรมาส 3/52 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 80% ในไตรมาส 4/52 ซึ่งทำให้ SAT พ้นจุดคุ้มทุนของอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ 45% และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้เราคาดกำไรสุทธิของ SAT ปี 52 ที่ 230 ล้านบาท (EPS = 0.76 บาท)
เรามองยอดการผลิตรถยนต์ในปี 53 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่กลับมาทำให้ยอดขายในส่วนของรถเก๋งดีขึ้น, งบประมาณภาครัฐที่ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะแสดงผลชัดเจน ซึ่งทำให้ยอดขายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์( 1 ton truck) ปรับตัวเพิ่มขึ้น,การส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก, อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำซึ่งกระตุ้นแรงซื้อต่อเนื่อง
รวมทั้ง ราคาน้ำมันที่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับ 70-80 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งผู้บริโภคปรับตัวได้ในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งส่งผลดีต่อ SAT ในประเด็นของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัว ทั้งนี้เราคาดว่า SAT จะมีกำไรสุทธิเติบโตถึง 95% เป็น 450 ล้านบาท( EPS 1.50 บาท)
"แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 15 บาท มี upside อีกถึง 80%: โดยเราประเมินมูลค่าบน PER เฉลี่ยในอดีตที่ 10 เท่าเทียบกับกำไรต่อหุ้นในปี 53 ทำให้ได้ราคาเป้าหมาย 15 บาท ทั้งนี้ SAT ในปัจจุบันซื้อขายกันที่ PE เพียง 5.6 เท่าเทียบกับกำไรในปี 53"
น.ส.รัศดา ทวีแสงสกุลไทย นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมปีนี้ทั้งนี้อาจจะยังไม่ดี แม้ว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกก็ตาม เพราะเริ่มมีคำสั่งซื้อกลับเข้ามาบ้างเพียงแต่ยังไม่เห็นชัด แต่สำหรับปี 53 จะกลับมาเติบโต โดยมองว่ากลุ่มยานยนต์ผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้ว
ขณะที่นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำ"ถือ" หลังจากยอดรถยนต์เดือนก.ค.52 ติดลบอยู่เยอะ และต้องรอดูว่าไตรมาส 3 จะเริ่มฟื้นตัวชัดเจนหรือไม่
ส่วนเรื่องคลังลดภาษีรถยนต์ และเจรจาฮอนด้าและนิสสันผลิต ECO-CAR นั้น SAT อาจจะไม่ได้ประโยชน์มากนัก เพราะ SAT เน้นผลิตรถกระบะ ซึ่งเสียภาษีสรรพสามิตแค่ 3% อยู่แล้ว เพราะรถกระบะจะเสียประโยชน์
ด้านผลประกอบการครึ่งปีหลังกำไรน่าจะฟื้นตัว แต่อาจจะไม่เด่นชัดมากนัก แต่แนวโน้มปี 53 น่าจะดีขึ้นจากปีนี้