นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(PS)เชื่อว่า ยอดขายทั้งปี 52 มีโอกาสเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ 1.8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในช่วงเดือน ก.ค.และ ส.ค.บริษัทมียอดขายเฉลี่ยเดือนละ 2 พันล้านบาท หากรวมยอดขายตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันมียอดขายแล้ว 1.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 80% โครงการคอนโดมิเนียม 20%
ประกอบกับ ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการจำนวนมากเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก โดยมีจำนวนโครงการที่จเปิดตัวอีก 20 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท จากทั้งปีที่วางแผนที่จะเปิดจำนวน 30 โครงการ ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีโครงการบ้านบีโอไอที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท
"การเปิดโครงการ 30 โครงการในปีนี้ไม่น่ามีปัญหา และอาจจะเพิ่มเป็น 32 โครงการได้ด้วยซ้ำ เพราะด้วยการที่เราได้ปรับกลยุทธในการพัฒนารูปแบบใหม่ ๆ และ segment ใหม่ ๆ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันและเงินทุนทำให้เรามีความพร้อมเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่โครงการที่จะเพิ่มคงจะพัฒนาในปีหน้ามากกว่า และเราก็ยังมีโครงการ BOI ยิ่งจะเป็นจุดดึงยอดขายเราเพิ่มขึ้นด้วย น่าจะเห็นโครงการบ้าน BOI ในครึ่งหลังปีนี้อย่างน้อย 1 โครงการ ย่านลาดพร้าว จากทั้งหมด 21 โครงการ"นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวว่า จากการที่ยอดขายปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้บริษัทได้มีการซื้อที่ดินอีก 2 แปลงในการพัฒนาโครงการใหม่ที่จะสามารถเปิดและพัฒนาในปีหน้า
สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะมีการทยอยรับรู้รายได้ 9 พันล้านบาท ถึง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมาจากงานในมือ(backlog)ที่มีอยู่แล้ว 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่มีการโอนแล้ว 7.4 พันล้านบาท จึงมั่นใจว่าจะทำให้รายได้ในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.7 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของยอดปฏิเสธสินเชื่อ(reject) ยอมรับว่าขณะนี้ยังมีอยู่ในอัตราที่สูง 19% ซึ่งทางบริษัทจะพยายามลดยอด reject ไม่เกิน 10% ในปีนี้
นายประเสริฐ กล่าวว่า ในส่วนของโครงการล่าสุด The Seed Musee ย่านสุขุมวิทที่มีระดับราคา 3.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ เนื่องจากขณะนี้มียอดจองอย่างไม่เป็นทางการแล้วกว่า 80% จากทั้งหมด 138 ยูนิต ก่อนที่จะเปิดขายจริงวันที่ 5-6 ก.ย.ถือว่าได้รับการตอบรับอย่างดี
ทั้งนี้ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะทยอยส่งมอบเสร็จไตรมาส 1/54 เนื่องจากจะต้องใช้ระยะเวลาการรอนุมัติแผนงาน EIA
จากยอดขายโครงการดังกล่าวจะส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียมปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 10% บ้านเดี่ยว 14% ทาวน์เฮ้าส์ 55% ซึ่งในอนาคตบริษัทจะพยายามทำให้มาร์เก็ตแชร์โครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม ใกล้เคียงกันที่เฉลี่ย 30%