นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) เปิดเผยว่า บริษัทจะเลื่อนการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออกไปเป็นไตรมาส 1/53 จากเดิมที่คาดว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 4/52 เนื่องจากบริษัทดำเนินขั้นตอนไม่ทันในปีนี้ ขณะนี้ยังไม่มีการจัดตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน(FA) ซึ่งตามแผนงานที่จะแต่งตั้งที่ปรึกษา 2 ราย
ทั้งนี้ บริษัทได้มติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้ออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 4,800 ล้านหุ้น แต่อาจต้องปรับแผนการขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)อีกครั้ง โดยจะนำหุ้นใหม่ออกขายอย่างน้อย 15-20% ของทุนจดทะเบียนที่มี 1.6 หมื่นล้านบาท ตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ซึ่งจะขายให้กับทั้งนักลงทุนไทยและต่างประเทศ
"เราคิดว่าคงเข้าตลาดไม่ทันในไตรมาส 4 เรายังไม่ตั้ง FA เลย ถ้าขายเดือนธันวาฯ ก็คงไม่เหมาะแล้ว แต่คิดว่าจะเข้าตลาดให้เร็วที่สุด ก็ไปเป็นไตรมาสแรกปีหน้า... ส่วนหุ้นใหม่ที่ขอผู้ถือหุ้นไว้ 4,800 ล้านหุ้น ก็ต้องมาดูกันอีกทีอาจจะเยอะไปก็ได้" นายสุรพงษ์ กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ การระดมทุนโดยขายหุ้น IPO เพื่อจะนำไปขยายจำนวนรถไฟฟ้าเพื่อรองรับส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วง แบริ่ง-สมุทรปราการ และ ช่วงหมอชิต-สะนใหม่ โดยอาจจะสั่งซื้อขบวนรถไฟฟ้าเพิ่มเติม 40 ตู้ หรือ 35 ตู้
นายสรพงษ์ กล่าวว่า เหตุผลหนึ่งที่ต้องการเร่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะในสัญญาสัมปทานกับกรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้กำหนดเจตนารมณ์ในการนำหุ้นกระจายให้กับประชาชนทั่วไป เพราะต้องการให้ประชาชนเป็นเจ้าของหรือมีส่วนร่วมในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสาธารณูปโภค
ขณะที่ ส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง จำนวน 6 สถานี ซึ่งงานโยธาจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ย.52 และจะมีการวางระบบอาณัติสัญญาณและระบบการเดินรถ ที่คาดว่าจะใช้เวลา 1 ปีครึ่งหรือ 2 ปี
นายสุรพงษ์ คาดว่าทาง กทม.จะเจรจาให้ BTS เป็นผู้เดินรถต่อเนื่องในเส้นทาง เพราะระยะทางเดินรถไม่ยาวมาก การหาบริษัทเดินรถทำได้ลำบาก แต่หากบริษัทได้เป็นผู้เดินรถ คาดว่าจะมีการปรับเพดานค่าโดยสารเพิ่ม เพราะปัจจุบันเก็บค่าโดยสารสูงสุดที่ 40 บาท/เที่ยว เนื่องจากบริษัทก็จะต้องสั่งซื้อรถจำนวน 10 ขบวน เพื่อรองรับเส้นทางดังกล่าว