KBANK เผย 8 เดือนแรกยอดสินเชื่อลูกค้าขนาดใหญ่-ใหญ่พิเศษ ลดลง 13%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 14, 2009 12:37 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

นายสุรศักดิ์ ดุษฎีเมธา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)เปิดเผยว่า ช่วง 8 เดือนแรกของปี 52 (ม.ค.-ส.ค.52)การปล่อยสินเชื่อของกลุ่มธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่ที่มียอดขายตั้งแต่ 400-5,000 ล้านบาท และธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่พิเศษที่มียอดขาย 5,000 ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวนทั้งสิ้น 267,000 ล้านบาท ลดลง 13% จากสิ้นปี 51 ใกล้เคียงกับการลดลงของทั้งระบบธนาคาร เนื่องจากลูกค้าส่วนหนึ่งได้ชะลอการใช้วงเงินกู้ตามการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจของประเทศและของโลก ในขณะที่บางรายได้ทันไประดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดอยู่ในระดับต่ำ

แต่จากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ และคาดว่าจะเริ่มกลับมาขยายตัวได้ในไตรมาส 4/52 โดยมีปัจจัยสำคัญจากการลงทุนของรัฐบาลและการส่งออกเป็นหลัก สะท้อนได้จากการชะลอตัวของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดรายใหญ่ เดือน ส.ค.ชะลอ 0.7% เมื่อเทียบ ก.ค.เป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นจากการขอใช้สินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจระหว่างประเทศ ตามแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน และความต้องการของตลาดโลก และเชื่อว่าการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 4/52 จะขยายตัวได้ดีขึ้น

ด้านนายวศิน วณิชย์วรนันต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ KBANK กล่าวว่า อุตสาหกรรมเป้าหมายในการขยายสินเชื่อของกลุ่มธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่ของธนาคาร ได้แก่ ธุรกิจที่ได้รับผลต่อเนื่องจากโครงการภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟฟ้า โครงการถนนปลอดฝุ่น และโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ที่จะส่งผลต่อความต้องการสินเชื่อในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและค้าวัสดุก่อสร้างตั้งแต่ช่วงปลายปี 52-53

อีกทั้งการเปลี่ยนนโยบายรับจำนำสินค้าเกษตรมาเป็นการประกันราคาสินค้าของภาครัฐที่จะส่งผลให้ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้น เช่น ข้าวและยางพารา ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายสินเชื่อของธนาคาร เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาท

ธนาคารได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยใช้กลยุทธ์การดูแลกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ด้วยการเพิ่มความรู้ให้กับผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าให้สามารถเข้าใจธุรกิจของลูกค้า รวมถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมอย่างถ่องแท้ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างธุรกิจของลูกค้าอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสามารถช่วยให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจให้กับลูกค้า ช่วยแนะนำหรือนำเสนอคำตอบทางการเงินที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าของธุรกิจ โดยผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าจะวิเคราะห์ธุรกิจของลูกค้าและนำเสนอคำตอบทางการเงินที่ครบวงจร ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนได้

นายวศิน กล่าวอีกว่า ช่วง 7 เดือนปี 52 (ม.ค.-ก.ค.52) ธนาคารมีรายได้จากการให้บริการกลุ่มธุรกิจลูกค้าขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ ประมาณ 6,600 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปี 52 จะมีรายได้ประมาณ 11,000 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ