โบรกฯแนะ"ซื้อ"TRUE เล็งผลดำเนินงานฟื้น-รับประโยชน์ 3G-เก็งพันธมิตรใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 16, 2009 14:38 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE)คาดผลการดำเนินงานปี 52 น่าจะฟื้นตัวขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากปัจจุบันค่า Interconnection Charge(IC)กลับมาที่จุดคุ้มทุนแล้ว จากที่เคยเป็นรายจ่ายสุทธิ ซึ่งในปีนี้ TRUE น่าจะมี EBITDA เติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 19,200-19,790 ล้านบาท สูงขึ้นจากปี 51 ที่มีกว่า 18,000 ล้านบาท

และโบรกฯส่วนใหญ่เห็นว่าในปีนี้ TRUE น่าจะมีกำไรสุทธิ 715-875 ล้านบาท แต่ก็มีบางโบรกเกอร์คาดการณ์ว่ายังอาจจะขาดทุนสุทธิเล็กน้อยแค่ 300 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 2,356 ล้านบาท อันเนื่องมาจากผลขาดทุนในส่วนของ IC ไปเกือบพันล้านบาท และยังขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน(FX)ถึง 2,500 ล้านบาท

ส่วนปีหน้า(2553)โบรกฯคาดว่า EBITDA ของ TRUE ที่ 19,600-20,300 ล้านบาท และจะมีผลกำไรสุทธิในช่วง 100-1,400 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมเรื่องของธุรกิจ 3G ที่ยังจะได้รับประโยชน์ หาก TRUE ได้ไลเซ่นส์ 3G ก็จะช่วยลดต้นทุนให้กับบริษัทฯได้ในระยะยาว จากที่ต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับรัฐเปลี่ยนเป็นการขอใบอนุญาต ขณะที่ค่าใบอนุญาต 3G น่าจะต่ำกว่า

อีกทั้ง TRUE ยังมีประเด็นในเรื่องกำลังหาพันธมิตรต่างชาติอยู่ ซึ่ง TRUE คงจะเปิดทางให้เข้ามาร่วมลงทุนด้วย เพราะต้องการเงินลงทุนในธุรกิจ 3G และพันธมิตรที่จะเข้ามาคงจะมาช่วยทำธุรกิจ 3G ด้วย ทั้งนี้ โบรกเกอร์บางแห่งมองว่า พันธมิตรที่จะมาก็น่าจะมาซื้อหุ้น TRUE ในราคาที่สูงกว่าราคาบนกระดานเทรดหลัก โดยประเมินราคาซื้อ-ขายไว้ที่ 4 บาท/หุ้น

          โบรกฯ                        คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.ทรีนิตี้                        ซื้อ                   4.60
          บล.บีฟิท                         ซื้อ                   3.98
          บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)         ซื้อเก็งกำไร               3.38
          บล.กรุงศรีอยุธยา               ซื้อเก็งกำไร               2.80
          บล.ทิสโก้                        ถือ                   2.70
          บล.เกียรตินาคิน                   ถือ                   2.10

น.ส.ศลยา ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ให้เหตุผลของการแนะนำ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น TRUE ว่า เป็นเพราะผลการดำเนินงานในปี 52 จะฟื้นตัวขึ้นจากปี 51 เนื่องจากปีที่แล้ว TRUE แย่เป็นเพราะค่า IC เป็นลบจำนวนมาก แต่ปัจจุบันได้มีการปรับตัวได้แล้ว จึงทำให้ผลประกอบการน่าจะฟื้นตัวจากปีที่แล้วมาก

ดังนั้น จึงคาดว่าปีนี้ EBITDA ของ TRUE จะอยู่ที่ 19,790 ล้านบาท ฟื้นจากปีที่แล้วที่มี 18,100 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิก็คาดว่าจะมีประมาณ 875 ล้านบาท ส่วนปี 53 คาดว่า EBITDA จะอยู่ที่ 20,300 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 736 ล้านบาท (ยังไม่รวมเรื่องของ 3G)

ส่วนประเด็นการขอใบอนุญาตทำธุรกิจ 3G มีความคืบหน้ามาก ตรงนี้จะส่งผลดีต่อกลุ่มสื่อสารทั้งกลุ่ม และหาก TRUE ได้ไลเซ่นส์ 3G ก็จะช่วยลดต้นทุนให้กับบริษัทฯได้ในระยะยาว อีกทั้ง TRUE ยังมีประเด็นในเรื่องกำลังหาพันธมิตรต่างชาติอยู่ ซึ่ง TRUE คงจะเปิดทางให้เข้ามาร่วมลงทุนด้วย เพราะทาง TRUE เองก็ต้องการเงินทุน และพันธมิตรที่จะเข้ามานี้คงจะมาช่วยในเรื่องการทำธุรกิจ 3G ด้วย

นายฐาปน พานิช นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ มองว่า ผลประกอบการ TRUE ในปีนี้น่าจะกลับมาเป็นบวก เนื่องจากปัจจุบัน IC ได้กลับมาที่จุดคุ้มทุนแล้ว เมื่อเทียบกับปี 51 ที่ TRUE ขาดทุนในส่วนของ IC ไปเกือบพันล้านบาท ทั้งนี้ ได้คาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 715 ล้านบาท EBITDA ที่ 19,200 ล้านบาท ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 51 ที่ TRUE ขาดทุนสุทธิ 2,356 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน(FX)ถึง 2,500 ล้านบาท

ส่วนปีหน้า(53)ก็คาดว่า TRUE จะมีกำไรสุทธิ 1,400 ล้านบาท EBITDA ราว 19,600 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ TRUE ยังมีปัญหาในเรื่องเงินลงทุนในธุรกิจ 3G ซึ่งมองว่า TRUE จะต้องเร่งในการหาเงินทุนอย่างรวดเร็ว โดยทางออกน่าจะมี 2 ทางคือ การหาพันธมิตรใหม่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ได้ข้อตกลงใด ๆ อีกทางเป็นเรื่องของการเพิ่มทุน ซึ่งมองว่าทาง TRUE เองไม่ได้ต้องการเพิ่มทุนในขณะนี้ จึงต้องติดตามการแก้ไขปัญหาของ TRUE ต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า TRUE คงจะหาทางออกได้ เพราะมีกลุ่ม ซีพี เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ คงจะไม่ปล่อยให้มีปัญหา

ข้อมูลล่าสุด(18 มี.ค.52)จากตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า TRUE มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด คือ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด โดยถือหุ้นในสัดส่วน 33.14%

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า TRUE น่าจะได้รับประโยชน์จากธุรกิจ 3G โดยราคากลางประมูลใบอนุญาต 3G มีแนวโน้มต่ำลงจากเดิมที่ได้ประมาณการราคากลางไว้ที่ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ มาถึงตอนนี้ตัวเลขที่ทางกทช.พูดถึงเหลือราคากลางแค่ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จุดนี้จะส่งผลดีต่อทุกคน แต่มองแล้ว TRUE จะได้รับประโยชน์มากสุดจากราคากลางใบอนุญาตที่ลดลงเมื่อเทียบกับราคาหุ้น TRUE ในปัจจุบันที่มีอยู่แค่ 3 บาทกว่า

ส่วนความจำเป็นในการหาพันธมิตรใหม่มาร่วมทุนทำธุรกิจ 3G ประเมินว่าว่าพันธมิตรใหม่น่าจะเข้ามาซื้อหุ้น TRUE ในราคาสูงกว่าราคาบนกระดานเทรดหลัก โดยฝ่ายวิจัยประเมินราคาซื้อขายไว้ที่ 4 บาท/หุ้น

นายกิจพล กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการของ TRUE ปีนี้ ยังคงมี EBITDA ที่เติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 19,638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% จากปี 51 ที่มี EBITDA 18,500 ล้านบาท แต่คาดว่าปีนี้ยังคงขาดทุนสุทธิประมาณ 300 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิถึง 2,356 ล้านบาท อันเกิดจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน(FX)จำนวนมาก ส่วนปีหน้ามองว่า TRUE น่าจะพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิราว 100 ล้านบาท และมี EBITDA ที่ 20,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมเรื่องธุรกิจ 3G



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ