นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย(KTB)เปิดเผยว่า ธนาคารได้เตรียมพร้อมเพื่อรองรับแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยการเพิ่มบริการทางการเงินให้กว้างขวาง โดยเฉพาะกลุ่มไมโครไฟแนนซ์ ด้วยการเปิดจุดบริการในลักษณะ Convenience Counter หรือเคาน์เตอร์แสนสะดวก โดยได้นำ Software ในระบบฝากถอนเงินและ Payment ไปติดตั้งให้กับตัวแทนบริการของธนาคาร ซึ่งเป็นพันธมิตรกับธนาคาร เช่น กองทุนหมู่บ้าน สหกรณ์ ซึ่งธนาคารได้ขออนุญาตไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขอเปิดจุดบริการจำนวน 23 จุด ได้รับอนุมัติแล้ว 19 จุด และได้เปิดให้บริการไปแล้ว 14 จุด
อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงเดินหน้าในการเพิ่มการเข้าถึงการให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อลดภาระของประชาชนในการกู้เงินนอกระบบ ด้วยการขยาย Convenience Counter หรือเคาน์เตอร์แสนสะดวก เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ในชุมชนต่างๆ โดยมีแผนขยาย Convenience Counter หรือเคาน์เตอร์แสนสะดวกอีก 100 จุดในปีหน้า ตามวิสัยทัศน์การเป็น The Convenience Bank
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการ KTB กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ให้ความสำคัญในการปล่อยสินเชื่อทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ และไมโครไฟแนนซ์ โดยมีฝ่ายงานธนาคารชุมชนทำหน้าที่ดูแลโดยเฉพาะ เพื่อให้ประชาชนรายย่อยได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินในภาคประชาชน
"ในโครงการธนาคารชุมชนได้ปล่อยกู้ผ่านกองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้กู้ต่อกับสมาชิกในหมู่บ้าน ปล่อยกู้กองทุนหมู่บ้านในระดับ AAA ไปแล้วจำนวน 709 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมากองทุนหมู่บ้านที่ธนาคารปล่อยกู้เป็นกองทุนหมู่บ้านที่มีความเข้มแข็งและมีการจัดการที่เป็นระบบ ทำให้เกิดหนี้เสียน้อยมาก มีหนี้เสียเพียง 1.15% " นายสถิตย์ กล่าว