นายชลัช ชินธรรมมิตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายพัฒนาธุรกิจ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น(KSL) คาดว่า ภายในเดือนหน้าผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลจะมีการประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล(สอน.) เพื่อหารือถึงการปรับปรุงปริมาณน้ำตาลทรายโควต้า ก.(สำหรับบริโภคในประเทศ)ปี 52/53 ให้มีความสอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริง ไม่ใช่การกันโควต้าไว้เกินระดับความต้องการบริโภคในประเทศจนทำให้ผู้ประกอบการต้องเสียโอกาสสำหรับการส่งออก
ส่วนปริมาณที่เหมาะสมสำหรับน้ำตาลทรายโควต้า ก.ในปีหน้าจะเป็นเท่าใดนั้น คงยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ เพราะต้องรอประเมินผลการบริโภคในประเทศของปีนี้ก่อน
"คงจะต้องปรับทุกปี(ปริมาณน้ำตาลทรายโควต้า ก.) เพื่อให้ตัวเลขสอดคล้องกับความต้องการบริโภคในประเทศที่แท้จริง ต้องดูให้เหมาะสม และคงจะไม่ถูกต้องหากตั้งโควต้าไว้เยอะๆ แล้วเหลือ ซึ่งเป็นการถ่วงโรงงานไม่ให้นำออกขาย ทั้งๆ ที่ราคาตลาดดี" นายชลัช กล่าว
ก่อนหน้านี้ สอน.ออกมาระบุว่า น้ำตาลทรายโควต้า ก.สำหรับปี 51/52 ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 19 ล้านกระสอบนั้น ขณะนี้สามารถขายได้แล้ว 14.7 ล้านกระสอบ โดยเชื่อว่าปริมาณน้ำตาลทรายที่เหลือราว 5 ล้านกระสอบจะเพียงพอกับความต้องการบริโภคในประเทศก่อนที่จะเริ่มฤดูการหีบอ้อยใหม่อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นายชลัช เชื่อวา จะไม่เกิดปัญหาการลักลอบส่งออกน้ำตาลทรายไปจำหน่ายยังต่างประเทศจนทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำตาลทรายในประเทศจากภาวะที่ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกอยู่ในระดับสูง เพราะมองว่าช่วงที่ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกที่ขึ้นไปถึง 600 ดอลลาร์/ตันนั้น เป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น และปัจจุบันราคาส่งออกก็ลงมาอยู่ที่ระดับ 530-540 ดอลลาร์/ตันแล้ว หากจะลักลอบส่งออกน้ำตาลทรายโดยอาศัยช่วงระยะเวลาสั้นๆ จึงถือว่าเสี่ยงมากและยังได้กำไรไม่คุ้ม