โบรกเกอร์ เห็นพ้องแนะ"ซื้อ"หุ้นธนาคารกสิกรไทย(KBANK)มองไตรมาส 4/52 สินเชื่อฟื้นตัว แม้ 9 เดือนที่ผ่านมาจะทรงตัว และทั้งปีน่าจะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ธนาคารวางไว้ 3-5% ยิ่งปีหน้าเชื่อว่าการยายตัวของสินเชื่อจะดีขึ้นจากการผลการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ประกอบกับ ผู้บริหารของ KBANK เผยดีลถือหุ้นเพิ่มใน บริษัท เมืองไทย โฟร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด เป็น 51% จาก 10% น่าจะสำเร็จในไตรมาส 4/52 ก็ยิ่งทำให้รายได้ในปีหน้าเติบโตมากขึ้น และประสานธุรกิจประกันชีวิตกับธนาคารได้อย่างลงตัว
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.โกลเบล็ก ซื้อ 96.00 บล.ซิกโก้ ซื้อ 93.00 บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 90.00 บล.ธนชาต ซื้อ 90.00 บล.เอเซียพลัส ซื้อ 88.09 สถาบันนครหลวงไทย ซื้อ 87.25 บล.กิมเอ็ง ซื้อ 85.00
นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา คาดว่า สินเชื่อ KBANK น่าจะพลิกกลับมาเป็นบวกหลังจาก 3 ไตรมาสที่ผ่านมาค่อนข้างทรงตัว โดยเชื่อว่าจะได้ประโยชน์จากการส่งออกที่เริ่มดีขึ้น และสินเชื่อบ้าน เหล่านี้เป็นปัจจัยบวกระยะสั้น ก่อนที่ปีหน้าคาดว่าน่าจะขยายตัวได้มากจากสินเชื่อ Corporate ซึ่งได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
"จากนี้ไปคิดว่าแนวโน้มของธุรกิจน่าจะดีขึ้น หนี้เสียผมคิดว่าน่าจะเบาใจลงได้ และยังไม่เห็นสัญญาณลบที่น่ากลัวอะไร ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นปัญหาหนี้เสียจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่แล้ว KBANK จะมีรายได้จากดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม แค่ไหน ประเด็นหลักอยู่ที่ว่าธุรกิจฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ สินเชื่อก็จะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป"นายธนัท กล่าว
นอกจากนี้ การที่ KBANK จะเข้าเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทเมืองไทย โฟร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด จาก 10% เป็น 51% ซึ่งดีลนี้ชะลอไปในครึ่งปีแรก และทางผู้บริหารบอกว่าจะจบได้ในไตรมาส 4 ถ้าเป็นไปตามนั้น ก็จะส่งผลบวกต่อ KBANK ในปีหน้า ทำให้รายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น จากการที่นำรายได้จาก บริษัท เมืองไทย โฟร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด เข้ามารวมในงบรวมได้ ทั้งจากธุรกิจเมืองไทยประกันภัยและเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งแนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตยังเติบโต และการขยายธุรกิจไปด้านประกันชีวิตเป็นปัจจัยสนับสนุนยุทธศาสตร์การให้บริการแบบครบวงจร (Universal Banking) ให้แข็งแกร่งมากขึ้นในระยะยาว
"ถ้าดีลนี้จบได้ จะเป็นปัจจัยบวกมากเหมือนกันในปีหน้า แต่เท่าไรยังบอกไม่ได้ ก็จะทำให้งรวมของแบงก์ดีขึ้น และมีโอกาสปรับมูลค่าหุ้น"นายธนัท กล่าว
นักวิเคราะห์จาก บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)เชื่อว่า ไตรมาส 4/52 สินเชื่อของ KBANK มีแนวโน้มฟื้นตัวเห็นได้ชัดเจน แต่อาจจะไม่ได้ดีขึ้นทันทีทันใด เพียงแต่ในไตรมาสนี้ตัวเลขจะติดลบน้อยลง และกระเตื้องขึ้นในปลายปี ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในปีนี้ก็น่าจะอยู่ระดับต่ำกว่า 4%
ทั้งนี้ KBANK ยังคงเป้าอัตราการเติบโตของสินเชื่อปีนี้ไว้ที่ 3.0-3.5%
"ราคาหุ้นยังถูกอยู่ discount กว่า 27% จากค่าเฉลี่ย PB ใน 5 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมกิจการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของสินเชื่อ มาร์จิ้น และ NPL ก็ยังควบคุมได้ดี และมองว่าปีหน้ากลุ่มแบงก์ก็จะฟื้นตัว...เรามอง Overweight หุ้นกลุ่มแบงก์อยู่ตั้งนานแล้ว KBANK เป็น Top pick ของกลุ่ม" นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้าน บล.เอเชียพลัส คาดว่า กำไรสุทธิ KBANK ในไตรมาส 3/52 เท่ากับ 3.81 พันล้านบาท เติบโต 2.9% จากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา หรือ qoq(คาดประกาศผลประกอบการในวันที่ 21 ต.ค.52) ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตจากรายได้ค่าธรรมเนียมฯ ราว 5.3% qoq(จากธุรกรรมด้าน Bancassurance และธุรกรรมผ่านบัตรฯ) และการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงในงวดนี้ เนื่องจากแรงกดดันของ NPL ที่ลดลง โดย NIM เริ่มทรงตัวได้ใกล้เคียงกับงวดที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ทาง KBANK ยังให้ความมั่นใจว่าสินเชื่อสุทธิทั้งปี 52 จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 3-5% yoy ขณะที่เราประเมินไว้ 5% yoy นั่นหมายถึงการเติบโตของสินเชื่อสุทธิในไตรมาส 4/52 จะยิ่งเป็นไปในเชิงรุกมากขึ้นในระดับ 4-5% qoq โดยกลุ่มสินเชื่อที่ช่วยผลักดันการเติบโตส่วนใหญ่มาจากกลุ่ม SME และรายย่อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการผลการดำเนินงานปี 52 และคำแนะนำซื้อ และเลือกเป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มฯ โดยกำหนดมูลค่าพื้นฐานที่ PBV 1.72 เท่า ในปี 53 คือ 88.09 บาท โดยราคาหุ้นปัจจุบันยังมีส่วนลดจากมูลค่าพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวโน้มธุรกิจปีหน้านั้น ฝ่ายวิจัยยังอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการเพื่อรวมผลการดำเนินงานของ บ.เมืองไทยประกันชีวิต(MTL)คาดว่าขั้นตอนการเข้าลงทุนจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในช่วงปลายปี 52 และเริ่มจัดทำงบการเงินรวมได้ภายในสิ้นปี 52 ภายหลังจากรับทราบทิศทางธุรกิจของ MTL ในช่วงปลายปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยผลักดันผลการดำเนินงานและราคาหุ้นของ KBANK ในระยะยาว
ส่วน บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ยังมั่นใจว่าสินเชื่อปี 52 จะเติบโตได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่เราตั้งไว้ที่ 4% แม้สินเชื่องวด 9 เดือนแรกจะมียอดลดลง นอกจากนี้ เราประเมิน KBANK มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง NPL Ratio ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 4% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ NIM ที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับแนวโน้มธุรกิจที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังทั้งทางด้านการขยายตัวของสินเชื่อ การเพิ่มขึ้นของ NIM และ synergy ที่คาดว่าจะได้รับจากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท เมืองไทย โฟร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้