นายคเณศ ขาวจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์(TPC) เปิดเผยว่า บริษัทต้องระงับการดำเนินการโครงการปรับปรุงกำลังการผลิต (Debottlenecking) ของบริษัท 2 โครงการ ทั้งที่ไม่ได้เป็นโครงการใหม่ และทั้งสองโครงการผ่าน EIA แล้วในต้นปี 51 ก็ตาม ดังนั้น บริษัทเตรียมจะหารือกับ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือเครือ SCG เข้าหารือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อหาทางออก
"โครงการเราไม่ได้มีอะไรซ้ำซ้อน เป็นการขยายจากไลน์การผลิตเดิม แต่เนื่องจากเราเพิ่มกำลังการผลิต เราก็ต้องขอ EIA ทั้งๆที่ไม่ได้ใส่เครื่องจักร ...ทางข้างหน้าต่อไปเราก็คงต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง น่าจะดูเป็นโครงการๆไป อย่ามาเหมาเลย คือของเราเล็กเราคงพ่วงกับทาง SCG " นายคเนศ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว เพราะปีนี้บริษัทไม่ได้ขยายกำลังการผลิตตามที่วางแผนไว้ จากตลาดซบเซา แต่หากปีหน้าตลาดเริ่มฟื้นตัว ก็อาจจะเป็นอุปสรรคในการขยายกำลังการผลิต
ทั้งนี้ 2 โครงการของบริษัท ได้แก่ โครงการขยายกำลังการผลิต PVC เพิ่มเป็น 1.4 แสนตัน/ปี จากปัจจุบัน 1.2 แสนตัน/ปี และโครงการขยายกำลังการผลิต VCM เพิ่มเป็น 1.6 แสนตัน จากปัจจุบัน 1.4 แสนตัน โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการแล้ว แต่เมื่อศาลสั่งระงับบริษัทก็ต้องลดการผลิตไปเท่าเดิม แต่ไม่ได้หยุดการผลิต
สำหรับผลประกอบการปีนี้ นายคเนศ คาดว่ารายได้จะลดลงประมาณ 20% จากปริมาณการขายที่ลดลง และ ราคาขาย PVC เฉลี่ยลดลงมาที่ 750 เหรียญ/ตัน จากปีก่อนที่มีราคาเฉลี่ย 1,000 เหรียญ/ตัน และกำไรต่ำกว่าปีก่อน
อย่างไรก็ตามราคาในช่วงไตรมาส 3/52 ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยราคา PVC แตะระดับสูงสุดที่ 900 เหรียญ/ตัน และขณะนี้ราคาอยู่ที่กว่า 800 เหรียญ/ตัน
แต่ในปี 53 บริษัทคาดว่า รายได้จะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% และมีกำไรดีกว่าปีนี้แน่ เนื่องจากคาดว่าปริมาณขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 8 หมื่นตันจากปีนี้ขายได้ประมาณ 6 หมื่นตัน และราคาขายเฉลี่ยที่ 800 เหรียญ/ตัน
สำหรับโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ในเวียดนามที่บริษัทเข้าร่วมทุน กับ SCC นั้น นายคเนศ กล่าวว่า บริษัทได้เข้าลงทุนสัดส่วน 14-15% คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในโครงการนี้ ราว 7 พันล้านบาท หรือ ประมาณ 200 ล้านเหรียญ จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 4 พันล้านเหรียญ ที่แหล่งเงินจะมาจากส่วนทุน 1 ส่วนและ อีก 3 ส่วนมาจากเงินกู้จากสถาบันการเงิน โดยจะทยอยลงทุนในปีแรก 500-600 ล้านบาท และทยอยเพิ่มขึ้นตามเนื้องาน โดยโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ จะเดินหน้าก่อสร้างได้ในปี 53 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 56 และจะเริ่มผลิตได้ในปี 57