โบรกฯแนะ"ซื้อ"CPF เติบโตต่อเนื่อง กำไรปี 52 สูงเป็นประวัติการณ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 2, 2009 14:23 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) มองกำไรปีนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากไตรมาส 2 และ 3 แม้ช่วงไตรมาส 4 จะเป็น Low Season โดยได้รับประโยชน์จากราคาวัตถุดิบลดลง ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศก็ดีขึ้น อีกทั้งตอนนี้เปลี่ยนไปเน้นธุรกิจอาหาร-อาหารสำเร็จรูป จากเดิมเน้นธุรกิจฟาร์มซึ่งมาร์จิ้นต่ำ ขณะที่ทุก Operation ในกลุ่มดี ทั้งขยายสาขาซีพีเฟรชมาร์ท CPALL ส่งออกมากขึ้นก็ช่วยหนุน

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย

          บล.ทรีนีตี้           ซื้อลงทุน            11.70
          บล.ทิสโก้             ซื้อ              11.50
          บล.ดีบีเอสฯ         ซื้อลงทุน             9.60

บล.ฟินันเซียฯ รอซื้อเก็งกำไรเมื่ออ่อนตัว 8.50

          บล.กรุงศรี          เก็งกำไร            6.40

นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า เรามองว่า CPF เหมาะซื้อลงทุนระยะยาว เพราะมองว่าปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดของ CPF เราเชื่อว่า CPF จะมีกำไรสุทธิรายไตรมาสสูงสุดสองไตรมาสติดต่อกันในช่วงไตรมาส 2/52 และ 3/52 นี้ นอกจากนี้คาดว่าบริษัทจะจ่ายปันผลในช่วงครึ่งปีหลังได้อย่างต่ำ 0.43 บาทต่อหุ้น

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า เรามีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น CPF ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ระยะสั้นคือ ราคาวัตถุดิบหลักๆยังถูกอยู่ โดยเฉพาะข้าวโพด เพราะถ้าคิดใน Contribution ใน Cost of Food Sold อยู่ประมาณ 30% เป็น Cost ก้อนใหญ่มากๆ และถ้าเทียบไตรมาสต่อไตรมาสราคาลดลงไป 13% ลงไปจากไตรมาส 2 อีก ซึ่งมองแล้วมาร์จิ้นต้องดีขึ้นแน่ๆ ขณะที่ราคาขายสินค้ายังทรงๆอยู่ ณ ที่เดิม ขณะที่ราคาวัตถุดิบลดลงไป

ด้านราคากากถั่วเหลืองซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญอีกอย่าง ก็ทรงๆจาก qoq คือ Raw Matherial ไม่มีอะไรขึ้นเลย แต่มีลดลง ราคาสินค้าทรงตัว เพราะฉะนั้นมาร์จิ้นน่าจะดีขึ้น

นอกจากนี้ ธุรกิจต่างๆ ในต่างประเทศ พลิกมาดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเวียดนามต ตุรกีกลับมามีกำไร Operation ก็น่าจะไปได้ดีเหมือนกันด้วย

สำหรับภาพรวมทั้งปี 52 คาดว่า Earning คงจะโตเยอะมากมายที่สุดเป็นประวัติการณ์ เป็น Record High ตั้งแต่ทำธุรกิจมา เราประเมินกำไรปี 52 ไว้ที่ 8.9 พันล้านบาท โต 186% ปี 51 เพราะถือเป็นปีที่ผิดปกติ เป็น Apnomory High จริงๆ ในไตรมาส 2 กับไตรมาส 3 และทุก Turn to Profit อย่างเช่น ธุรกิจไข่ที่ขาดทุนมาตั้งแต่ปี 2006 ตอนนี้ก็มีกำไรแล้ว ตอนนี้ขายเกิน Break Event Point ไปแล้ว

"คือตอนนี้ไม่มี Operation ไหนในกรุ๊ปที่ไม่ดีหรือขาดทุน ทุกอย่างดีหมด การถือ CPALL อยู่ 25% CPALL ก็ดีต่อเนื่อง มองหาการลงทุนในต่างประเทศ หรือตัวอาหารก็พยายามจะขยายมากขึ้น เป็น Margin Driver และตอนนี้ CPF เปลี่ยนธุรกิจจากอดีตเน้นธุรกิจฟาร์มซึ่งมาร์จิ้นต่ำ เวลามีอะไรเกิดขึ้น ก็มีปัญหาขาดทุน แต่ตอนนี้ไม่ได้เน้นธุรกิจฟาร์ม ไปเน้นตัวอาหาร อาหารสำเร็จรูปไม่ว่าจะขยายในประเทศมากขึ้น ขยายสาขา CP เฟรชมาร์ทมากขึ้น ส่งออกมากขึ้น ซึ่งเรามองว่าดี"

ส่วนปี 53 มองว่า Net Profit น่าจะ Drop ลง 10% แต่ที่ Drop ไม่ได้แปลว่าแย่ แต่เพราะปีนี้ผิดปกติจริงๆ คือปีหน้าธุรกิจก็ยังเข้มแข็งอยู่ และถ้าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาดีขึ้น ราคาวัตถุดิบก็อาจจะเริ่มกลับมา แต่เชื่อว่า CPF ยังมีการ Manage Raw Matherial Cost อย่างดี มีการซื้อขายล่วงหน้า แต่ก็คงไม่มีทางสู้ปีนี้ได้อยู่แล้วที่ Raw Matherial ลงไปมาก ดังนั้น เราประเมินกำไรทั้งปีไว้ที่ 8 พันล้านบาท

ด้านนายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ราคาหุ้น CPF ตอนนี้อาจจะเกินมูลค่าพื้นฐานไปมากแล้ว โดยราคาที่ขึ้นมาสูงมองว่าเป็นการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/52 ที่ดีเป็นประวัติการณ์ จากไตรมาส 2/52 ที่ทำได้ 3,200 ล้านบาท แต่ไตรมาส 3/52 อาจจะทำได้ 3,500 ล้านบาท Up เพราะว่าวัตถุดิบราคาถูกลงเกือบ 10% จากไตรมาส 2/52 ขณะที่เนื้อสัตว์ก็ยังทรงตัวในระดับสูง

ทั้งนี้ มองว่าไตรมาส 4 เป็นช่วง Low Season คงจะตกลง ขณะที่ปีหน้าหากเศรษฐกิจฟื้นตัว ราคาน้ำมันดิบกลับมาเพิ่มสูง พวกต้นทุนวัตถุดิบของ CPF ก็คงปรับสูงขึ้นด้วย ก็คงจะไม่สามารถ Maintain กำไรในอัตราที่ดีได้ในไตรมาส 2 และไตรมาส 3/53

"ผมมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนผลประกอบการมากแล้วถ้าดูจากอดีตที่ผ่านมา ซื้อขายตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว P/E อยู่ที่เท่านึง ประมาณ 7.20 บาท ตอนนี้ 8.85 บาท ไม่ค่อยสมเหตุสมผล แต่ถ้าอ่อนตัวลงมาก็แนะนำ "เก็งกำไร" มูลค่าพื้นฐาน 6.40 บาท"นายสิทธิเดช กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ