โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อเมื่ออ่อนตัว"หรือ"เก็งกำไร"หุ้นบมจ.บางสะพานบาร์มิล(BSBM)เพราะคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/52 จะพลิกกลับมีกำไร และไตรมาส 4/52 จะออกมาดีมากจากต้นทุนวัตถุดิบที่ได้ราคาต่ำ ประกอบกับ ความต้องการในประเทศฟื้นตัว โดยไตรมาส 3/52 คาดว่าจะมีเริ่มมีกำไรบ้างหลังไตรมาส 2/52 ประสบผลขาดทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเผชิญความเสี่ยงกับความผันผวนของราคานำเข้า Billet ที่เป็นวัตถุดิบสำคัญ และจีนที่อาจจะดัมพ์ราคาเหล็กออกมาก็ได้
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ไอร่า ทยอยสะสม 1.70 บล.ซิกโก้ ซื้อเก็งกำไร 1.67 บล.โกลเบล็ก ซื้อ 1.65 บล.ยูไนเต็ด ซื้อเก็งกำไร 1.60 บล.กิมเอ็ง ซื้อเมื่อ่อนตัว 1.50 บล.เอเซียพลัส ถือ 1.44
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)คาดว่า กำไร BSBM ในไตรมาส 3/52 จะอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท จากไตรมาส 2/52 ขาดทุน 6.38 ล้านบาท และในไตรมาส 4/52 จะมีกำไรดีมาก เป็นผลจากวัตถุดิบ คือ Billet ได้ราคาถูก ซึ่งจะช่วยหนุนให้กำไรในไตรมาส 4/52 ดีขึ้นมาก และราคาขายในประเทศปรับขึ้นด้วย ล่าสุดจาก 17-18 บาท/กก.มาที่ 19-19.50 บาท/กก.
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรทั้งปี 52 จะอยู่ที่ 111 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 124 ล้านบาท
และในปีหน้าบริษัทจะได้รับประโยชน์จากโครงการไทยเข้มแข็งก็จะมีการเริ่มใช้งบประมาณเต็มที่
อย่างไรก็ดี มองว่าราคาเหล็กยังคงผันผวน จึงต้องจับตาเป็นระยะๆ เพราะราคา Billet ไม่แน่นอน และยังมีปัจจัยเสี่ยงจากประเทศจีนที่ยังมีซัพพลายอยู่มาก ต้องดูว่าหลังจากจีนเปิดทำการจากขณะนี้หยุดในช่วงวันชาติจีนจะมีการดัมพ์ราคาเหล็กออกมาหรือไม่ ถ้าหากจีนดัมพ์ราคาออกมาอาจจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้
"แนะให้ซื้อเมื่ออ่อนตัว ตอนนี้ราคาใกล้ 1.50 บาทแล้ว ถ้าจะเข้าซื้อก็รอประมาณ 1.30 บาท" นายสุรชัย กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดย BSBM มีข้อเสียเปรียบกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพราะต้องสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งราคาค่อนข้างผันผวน และนำเข้าใช้เวลา 2-3 เดือน ขณะที่ราคาขายเหล็กเส้นอาจราคาเปลี่ยน ก็มีโอกาสขาดทุน โดยที่ผ่านมาที่มีความไม่แน่นอนของความต้องการในประเทศ บริษัทก็หยุดการผลิตหยุดนำเข้า มาประมาณ 5 เดือน แต่ช่วง 2-3 เดือนเริ่มมีสัญญาณว่าความต้องการดีขึ้น ทั้งมาตรการภาครัฐกระตุ้น ส่วนราคาเหล็กในตลาดโลกนิ่งมากขึ้น
บริษัทจึงได้มีการสั่งซื้อวัตถุดิบ หรือ Billet เข้ามา 7 หมื่นตันในราคาต่ำกว่าตลาดโลก ซึ่งได้ทยอยเข้ามาตั้งแต่เดือน ก.ย.เข้ามา 3 หมื่นตันในต.ค.เข้ามา 3.5 หมื่นตัน และในเดือนพ.ย.เข้ามาอีก 5 พันตัน จะช่วยทำให้ผลประกอบการในไตรมาส 3/52 ดีขึ้นมากพลิกมีกำไรดีกว่าไตรมาส 2/52 ที่ขาดทุน เป็นจุดเปลี่ยนทีทำให้ผลประกบอารพลิกมีกำไร และกำไรใน4/52 เติบโตได้ค่อนข้างดี จากวัตถุดิบที่ถูก
"โชคดี คือล็อตวัตถุดิบที่สั่งนำเข้ามาได้ราคาถูกกว่าราคาตลาดโลกตั้งเยอะ ตอนนี้ราคา billet ในตลาดโลก อยูที่ประมาณ 500 เหรียญ/ตัน แต่ราคาที่เขาสั่งซื้ออยู่ที่ 430 เหรียญ/ตัน" นักวิเคราะห์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ได้เปลี่ยนคำแนะนำจาก"ขาย"มาเป็น"ถือ"แต่ยังไม่แนะให้"ซื้อ"เพราะมองว่าถ้าบริษัทเข้าซื้อ Billet ในราคาปัจจุบันที่ประมาณ 500 เหรียญ/ตัน สินค้าเหล็กเส้นของบริษัทก็จะมีความเสี่ยง และมองว่าความโชคดีที่จะอาจเกิดขึ้นต่อไปก็ยังคาดการณ์ยาก เพราะ 2 ไตรมาสคือ ไตรมาส 3/52 และไตรมาส 4/52 จะมีผลประกอบการดีก็ต้องมาจากวัตถุดิบราคาถูก แต่ถ้า BSBM ยังต้องพึ่งพิงการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศในลักษณะนี้ ก็ยังมีความเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ แตกต่างจาก บมจ.ทาทาสตีล (TSTH)ที่ใช้เศษเหล็กในประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หากราคาย่อตัวลงมาก็เข้าซื้อได้ แต่ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งเข้าซื้อ
บล.โกลเบล็ก คาดผลประกอบการ BSBM ไตรมาส 3/52 จะมีกำไรราว 10 ล้านบาท และในไตรมาส 4/52 จะมีกำไรเติบโตอย่างโดดเด่น โดยในไตรมาส 3/52 มียอดขายเหล็กราว 14,496 ตัน(+2% QoQ)และคาดว่าจะมีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 19,000 บาท/ตัน ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13% ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 8% เนื่องจากราคาขายเหล็กก่อสร้างฟื้นตัว ขณะที่มีต้นทุนวัตถุดิบบางส่วนมีราคาค่อนข้างต่ำ นอกจากนั้น ในไตรมาสนี้มีค่าใช้จ่ายในการหยุดผลิต 2 เดือน ราว 7 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/52 จะเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากบริษัทมียอดสั่งซื้อจากลูกค้าล่วงหน้าแล้ว 2-3 หมื่นตัน และใน 4Q52 จะมีการรับวัตถุดิบ Billet อีก 4 หมื่นตัน คาดว่าบางส่วนจะสามารถผลิตและจำหน่ายได้ทันภายในปี 52 โดยเบื้องต้นประเมินว่าไตรมาส 4/52 จะมีกำไรราว 87 ล้านบาท และทั้งปี 52 จะมีกำไรราว 123 ล้านบาท
บทวิเคราะห์ของโกลเบล็ก ยังมองว่า ระยะสั้นราคาเหล็กในตลาดโลกชะลอตัว อาจส่งผลบวกต่อบริษัทในการสั่งซื้อ Billet ล็อตใหม่ที่ถูกลง แนวโน้มราคาเหล็กในตลาดโลกปรับตัวลดลงในเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลต่อภาวะสินค้าเหล็กล้นตลาดในประเทศจีน เป็นผลบวกต่อบริษัทที่จะสามารถสั่งซื้อวัตถุดิบล็อตใหม่ที่ราคาถูกลง
ส่วนแนวโน้มราคาขายในประเทศยังสามารถทรงตัวถึงปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากความต้องการบริโภคสินค้าที่แท้จริงเริ่มฟื้นตัว และยังได้ปัจจัยบวกจากโครงการไทยเข้มเข็งของภาครัฐที่เริ่มมีการเบิกจ่ายเงินแล้ว ขณะที่คาดว่าแนวโน้มราคาเหล็กในตลาดโลกปีหน้าจะยังมีทิศทางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวจะส่งผลให้ความต้องการใช้สินค้าเพิ่มขึ้น