นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เพิ่มสินสตีลเวิร์ค (PERM) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทเตรียมยื่นประมูลขายเหล็กทรงสูงที่ใช้ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญาที่ 1 เร็วๆ นี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอเอกสารรายละเอียด คาดว่าจะใช้เวลาเดือนกว่า ๆ แต่จากการคำนวณมูลค่าคร่าว ๆ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาท
"ตอนนี้เราก็ทำเรื่องเอกสารไป ส่วนจะรู้ผลเมื่อไหร่ process คงหลายอย่าง เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงเพิ่งเริ่ม "นายชูเกียรติ กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3/52 น่าจะพลิกเป็นกำไรได้ จากไตรมาส 2/52 และไตรมาส 1/52 ที่มีผลประกอบการขาดทุน เนื่องจากราคาเหล็กกระเตื้องขึ้นมาบ้างจากที่ปรับตัวลดลงไปมากในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี โดยราคาเหล็กรีดเย็นเคยขึ้นไปสูงสุด 1,350 เหรียญฯ/ตัน และลงมาเหลือ 580 เหรียญฯ/ตัน ตอนนี้ก็ดีดกลับขึ้นไปที่ประมาณ 780 เหรียญฯ/ตัน
"ช่วงไตรมาส 1 กับ 2 ราคาเหล็กลงไปมากก็ต้องไปเกลี่ยราคาตรงนั้น แต่เราก็ตัดขาดทุนไปแล้ว ไตรมาส 3 กับ 4 โดยเฉพาะไตรมาส 3 ราคากระเตื้องขึ้นและเริ่มมีการซื้อต้นทุนใหม่เข้ามา จึงมองว่าผลประกอบการในส่วนไตรมาส 3 น่าจะเป็นบวก"นายชูเกียรติ กล่าว
ส่วนทั้งปี 52 คาดว่ารายได้น่าจะทำได้ตามเป้าหมาย 2,300-2,400 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าทั้งรายได้และกำไรจะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกตามทิศทางราคาเหล็ก บริษัทประเมินว่าราคาเหล็กยังน่าจะปรับขึ้นต่อได้และความต้องการเหล็กในประเทศเพิ่มขึ้นมาก
และแนวโน้มปี 53 น่าจะดีเพราะเศรษฐกิจเลยจุดต่ำสุดมาแล้ว หากแย่กว่าปีนี้คงลำบากมากสำหรับธุรกิจ สำหรับเป้ารายได้ปีหน้าคาดว่าจะประเมินได้ในเดือน พ.ย.นี้
"ไตรมาส 3/52 ดีกว่าไตรมาส 2/52 ทั้งรายได้และกำไร ทั้งจากราคาเหล็กและยอดขาย โดยครึ่งปีแรกมีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่าครึ่งปีหลังน่าจะได้มากกว่า ตามที่ตั้งเป้าทั้งปีรายได้ประมาณ 2,300-2,400 ล้านบาทก็น่าจะทำได้"นายชูเกียรติ กล่าว
นายชูเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่มีลูกค้าใหม่เข้ามา ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาฐานลูกค้าเก่า ซึ่งคาดว่าจะมีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูการผลิตหลังจากผ่านฤดูฝนมาแล้ว โดยคงสัดส่วนลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ 25% กลุ่มก่อสร้าง 20% ที่เหลือเป็นกลุ่มไฟฟ้าและอื่น ๆ ซึ่งบริษัทพยายามเพิ่มสัดส่วนรายได้จากเหล็กรีดร้อนให้เป็น 30% ในอีกระยะหนึ่ง และสัดส่วนรายได้เหล็กรีดเย็นจะลดลงจาก 80%
"ตอนนี้เลยฝนแล้ว ฤดูการผลิตส่วนใหญ่ก็จะหลังหน้าฝน ช่วงนี้รถยนต์ดีขึ้น ส่วนก่อสร้างก็เริ่ม ๆ ตอนนี้ส่วนใหญ่ธุรกิจหลายๆ ตัวมองว่าจากนี้ไปก็คงจะค่อยๆ ขึ้นไป เพราะเลยจุดต่ำสุดมาแล้ว"นายชูเกียรติ กล่าว
นายชูเกียรติ กล่าวว่า บริษัทยังเน้นการระระวังด้านการเงิน โดยพยายามรักษาสภาพคล่องของเงินสด และคัดเลือกลูกค้าที่มีศักยภาพ เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องหนี้ รวมทั้ง พยายามบริหารสต็อกให้ลดลงเหลือประมาณ 60 วัน จากเดิม 90 วัน โดยขณะนี้สต็อกอยู่ที่ประมาณ 10,000 ตัน เพียงพอขายในช่วง 2 เดือนกว่า
*มอง"ยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ"ถือหุ้นระยะสั้น
นายชูเกียรติ คาดว่า นายยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ ผู้ถือหุ้นที่เรียกร้องขอสิทธิส่งตัวแทนเข้ามาเป็นกรรมการบริษัทนั้น คงจะถือหุ้นในระยะสั้นมากกว่าจะต้องการถือลงทุนยาว เพราะคาดว่าขณะนี้คงขายหุ้นออกไปแล้วเกิน 10 ล้านหุ้น สัดส่วนที่ถือในขณะนี้ไม่มีนัยอะไรมาก
ด้านราคาหุ้น PERM ขณะนี้ทรงๆ อยู่ ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีการเก็งเรื่องจะแตกพาร์หรือออกวอร์แรนท์นั้น ได้เคยยืนยันไปแล้วว่าไม่มีนโยบายเรื่องนี้ คณะกรรมการเสียงส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย เพราะไม่มีความจำเป็น เนื่องจากขณะนี้ฟรีโฟลตยังค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
"ตอนนี้ไม่ได้คิดแล้วเพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแตกพาร์...เรื่องหุ้นผมก็ปล่อยไปตามกลไกตลาดเพียงแต่ถ้าลงมากๆ ก็มีเข้าไปดูแลนิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่ได้เข้าไปซื้อ"นายชูเกียรติ กล่าว