นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) (SMT) คาดว่าปีนี้ยอดขายจะเพิ่มขึ้น 30-40% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 4.5 พันล้านบาท แต่ทั้งปียังคงมีรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอและธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงจึงส่งผลให้รายได้ในช่วงครึ่งปีแรกลดลง แต่การที่ครึ่งปีหลังดีขึ้น เนื่องจากบริษัทมีจำนวนลูกค้าและปริมาณออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของกลุ่มลูกค้าผลิตแผงวงจรไฟฟ้ารวม (IC) และชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (MMA)
ปัจจุบัน MMA มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 80 ล้านชิ้นต่อปีเป็น 100 ล้านชิ้นต่อปี ขณะที่ IC มีกำลีงการผลิตเพิ่มเป็น 1.2 พันล้านชิ้นต่อปีจาก 700 ล้านชิ้นต่อปี และจากปริมาณที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ IC จะส่งผลต่อกำไรสุทธิให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเนื่องจาก IC เป็นชิ้นส่วนที่มาร์จินสูงถึง 40-50% ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโต 25% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 200 ล้านบาท
"ตอนนี้ผมรู้สึกแปลกใจที่ออเดอร์เข้ามามากทั้งในส่วนของ IC และที่มามากเกินคาดคือชิ้นส่วน MMA และในอนาคตจะบาลานช์สัดส่วนทั้ง 2 อย่าง 50 ต่อ 50"นายพลศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในส่วน IC ทำให้บริษัทมีแผนที่จะทบทวนเม็ดเงินลงทุนในไตรมาส 1 ปี 53 เพิ่มจากเดิมที่วางแผนไว้ว่าจะมีเม็ดเงินในการเพิ่มกำลังการผลิต IC 50 ล้านบาท และจากปริมาณออเดอร์และลูกค้าที่เพิ่มขึ้นไปถึงปีหน้าแล้ว ทำให้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปีหน้า 10-15% จากปีนี้
ส่วนราคาหุ้นถึงแม้จะปรับตัวเหนือราคาจอง แต่โดยส่วนตัวมองว่าราคายังไม่ได้สะท้อนราคาหุ้นที่แท้จริงและน่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้มากกว่านี้ โดยบล.เอเซียพลัสประเมินปัจจัยพื้นฐานของราคาที่ 7 บาทถ้าในอนาคตกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจริงๆ หรือออเดอร์มาจริงยาวก็ยังมีพื้นที่ของโรงงานที่ยังสามารถขยายได้ประมาณ 25% จากพื้นที่โรงงานกว่า 2.5 หมื่นตร.เมตร ซึ่งตรงนี้เพิ่งใช้ไปแค่ 75% และยังมีวงเงินทั้งในส่วนของเครดิตจากแบงก์และ IPO รวม 1,000 ล้านบาทที่จะสามารถลงทุนได้ในอนาคต