บมจ.อาร์ ซี แอล(RCL)ผู้ประกอบการธุรกิจเดินเรือทะเลขนส่งตู้สินค้า คาดครึ่งหลังปี 52 พลิกกลับมามีกำไรจากครึ่งแรกปีนี้ที่ประสบผลขาดทุน 1 พันล้านบาท เนื่องจากปริมาณขนส่งสินค้าเพิ่มสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในย่านเอเชีย ซึ่งความต้องการสินค้าของจีนและอินเดียมีส่วนผลักดันอย่างมาก แต่ไตรมาส 4/52 ยังกังวลราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้นกดดันกำไร ขณะที่การปรับขึ้นค่าระวางเรือทำได้ช้า
ส่วนปีหน้ามั่นใจว่าผลประกอบการจะดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวอย่างชัดเจน ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนและอินเดีย พร้อมวางแผนจะเปิดเส้นทางใหม่ แต่ยังไม่มีแผนลงทุนเรือเพิ่ม
"(กำไร)ครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก แต่ถ้าทั้งปีคิดว่า ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีกำไรหรือเปล่า เพราะครึ่งปีแรกก็หนักหนาสาหัสเหมือนกัน เวลานี้ก็ดีขึ้นแต่ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นอาจขึ้นเยอะก็ได้ ยังมีเวลาอีก 3 เดือน พอเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ราคาน้ำมันก็ปรับขึ้นตามไปด้วย ตอนนี้ค่าระวางเรือ ก็ต้องไล่ตาม แต่จะไล่ตามทันหรือเปล่าก็ต้องดู" นายสุเมธ ตันธุวณิตย์ กรรมการผู้จัดการ RCL กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังปริมาณขนส่งทางเรือเป็นบวกขึ้นมา เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และค่าระวางราคาดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าครึ่งปีหลังธุรกิจจะฟื้นตัวจริง แต่ก็ฟื้นช้ากว่าที่คิด ประกอบกับ ขณะนี้ราคาน้ำมันก็พุ่งสูงขึ้นมาแล้ว
นายสุเมธ คาดว่า ไตรมาส 4/52 อาจมีกำไรใกล้เคียงกับไตรมาส 3/52 อย่างไรก็ดี บริษัทก็ยังกังวลว่าทั้งปี 52 บริษัทอาจจะทำกำไรไม่ได้ หรืออาจจะขาดทุนต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 837 ล้านบาท
"ในไตรมาส 3 เริ่มเห็นกำไร...รายได้ก็สูงขึ้นแต่ค่าน้ำมันก็ขึ้นสูงตาม ก็เริ่มไม่แน่ใจว่าในอีก 3 เดือนจะสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้พอหิมะตกราคาน้ำมันก็ปรับขึ้นแล้ว คาดว่าหากราคาน้ำมันดิบปรับตัวเกิน 75 เหรียญ/บาร์เรล มาร์จิ้นของบริษัทก็ยิ่งแคบลง เพราะค่าระวางกว่าจะปรับขึ้นได้ก็ต้องทิ้งช่วงไป 3-4 สัปดาห์ ซึ่งราคาน้ำมันเพิ่งปรับตัวแรงในช่วง 2-3 วันนี้"นายสุเมธ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันไว้ประมาณ 50% ของปริมาณน้ำมันที่ใช้ แต่บริษัทจะไม่ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันทั้งหมด เพราะเกรงว่าหากคาดการณ์พลาดอาจเจ็บตัวได้ ทั้งนี้ โดยปกติบริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงไว้ระดับประมาณ 50%
ในไตรมาส 4/52 บริษัทก็ยังต้องติดตามดูราคาน้ำมันดิบต่อไป ประกอบกับ พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเปลี่ยนไป จากเมื่อ 12 เดือนที่แล้ว ซึ่งตอนนี้เป็นการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่อยากซื้อ ส่งผลให้การบริโภคลดลง แต่เวลาเดียวกันก็มีผู้บริโภครายใหม่เพิ่มขึ้น คือตลาดจีนและอินเดีย
*เตรียมเปิดเส้นทางใหม่รับศก.ฟื้น
นายสุเมธ กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทเตรียมเปิดเส้นทางใหม่เพิ่มเติมในเอเชีย จากปัจจุบันมีอยู่ 20 เส้นทาง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนวางแผน ทั้งนี้ เพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากที่ภาวะก่อนหน้านี้เหมือนตกหน้าผา ตอนนี้ก็ค่อยๆไต่ขึ้น ส่วนจะไต่เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับทุก ๆ ฝ่ายว่าจะประคองกันไปได้แค่ไหน
และที่แน่ๆ แกนเศรษฐกิจโลกจะเปลี่ยนจากสหรัฐมาเป็นจีน แม้ว่าจะไม่ใช่มาจากจีนรายเดียว แต่จีนก็มีส่วนอย่างมาก ขณะที่บริษัทมีเรือขนส่งสินค้าในเส้นทางเอเชียทั้งหมด ซึ่งก็อยู่ในย่านที่เจริญเติบโตมากที่สุด ก็จะทำให้บริษัทได้รับผลดีมาก
"ชัดเจนอยู่แล้วว่าเอเชียจะเป็นที่ๆโตที่สุด จากนี้ไปอีก 2-3 ปีและเราวิ่งในเส้นทางนี้ก็คงได้รับอานิสงส์ เราได้เปรียบคนอื่นเขา แต่ข้อเสียก็คือนทุกคนก็จะแห่กันมาทีนี่ คู่แข่งก็เยอะขึ้น เราก็ต้องเตรียมตัวต่อสู้ ซึ่งเรายึดหัวหาดอยู่แล้ว พยายามอย่าให้เขาตีเข้ามาให้ได้"นายสุเมธ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มจำนวนเรือจากปัจจุบันมีอยู่ 42 ลำ ซึ่งใช้เกือบเต็มกำลังแล้ว เพราะเห็นว่าควรรอดูภาวะเศรษฐกิจว่าจะเอื้ออำนวยมากน้อยเพียงใด ฉะนั้น การลงทุนคงจะไม่ใช่ตอนนี้ เพราะบริษัทการขยายกองเรือต้องพร้อมทั้งภายในภายนอก
สำหรับการออกหุ้นกู้ของบริษัท จำนวน 2.5 พันล้านบาท นายสุเมธ กล่าวว่า บริษัทจะนำมาชำระคืนเงินกู้บางส่วน จำนวน 1.6 พันล้านบาทที่ใกล้ครบกำหนด ซึ่งเป็นเงินกู้ระยะสั้น 10 เดือน และที่เหลือนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยหุ้นกู้ RCL มีอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.9% เปิดจองซื้อวันที่ 19-21 ต.ค.นี้