โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะ"ซื้อเมื่ออ่อนตัว"หุ้นบมจ.การบินไทย(THAI)จากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเกินหรือใกล้ระดับราคาเป้าหมาย เนื่องจากคาดว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 4/52 จะกลับมาฟื้นตัวตามไฮซีซั่นของฤดูการท่องเที่ยวปลายปี ประกอบกับ การที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เข้ามารับหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ ซึ่งเริ่มงานเมื่อวานนี้(19 ต.ค.)ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าจะสามารถช่วยให้ผลประกอบการปีหน้าดีขึ้น รวมทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้าฟื้นตัวน่าจะดีต่อการบินไทยโดยตรง อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเพิ่มทุนในอนาคตก็ต้องนำมาประกอบการพิจารณาการลงทุนด้วย
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 23.80 บล.กิมเอ็ง ซื้อเมื่ออ่อนตัว 23.00 บล.เอเซัยพลัส ถือ 23.00 บล.กรุงศรีอยุธยา เก็งกำไร 21.00 บล.ทรินิตี้ ซื้อเมื่ออ่อนตัว (รอปรับปราคาใหม่)
นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า หลังจากที่ราคา THAI ปรับตัวขึ้นมาเกินราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ จึงได้ปรับคำนะนำเป็น"เก็งกำไร"จาก"ซื้อ"โดยขณะนี้ยังไม่มีการปรับราคา เพราะยังไม่มีนัยสำคัญว่าผลประกอบการจะเปลี่ยนแปลงไปจากคาดการณ์เดิม
แต่การเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่(DD)คนใหม่ของนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ น่าจะมีแนวโน้มทำให้ผลประกอบการดีขึ้น เพราะเชื่อว่าจะมีการบริหารงานเชิงรุกมากขึ้น รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างบอร์ดบริหารกับ DD คนใหม่จะดีขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจปีหน้าฟื้นตั ก็จะทำให้ผลประกอบการปีหน้าดีกว่าปีนี้
"ดูแล้วยังไม่เห็นประเด็น"ขาย"หุ้นตัวนี้ แม้ว่านักวิเคราะห์บางท่านแนะนำให้ขาย เพราะเขาไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นจริง พอดีว่าเขาเห็นว่าราคาหุ้นขึ้นมาสูงแล้ว แต่ประเด็นหลักคือแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้นในปีหน้า ส่วนไตรมาส 4 น่าจะดีขึ้นกว่า ไตรมาส 3 เพราะเป็นไฮซีซั่น"นายสิทธิเดช กล่าว
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันก็คงเป็นปัจจัยเสี่ยงพอสมควร เพราะคิดเป็นต้นทุนในสัดส่วน 30% แต่ว่านโยบายตอนนี้ชัดเจนมีการปรับค่าธรรมเนียมน้ำมัน ซึ่งล่าสุดปรับได้ครอบคลุมราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ก็ไม่น่าห่วงว่า 2 เดือนนี้ที่ราคาน้ำมันปรับขึ้น
แต่ที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นปีหน้ามากกว่า โดยเฉพาะหากราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง แต่มองว่าราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นช่วงนี้เป็นฤดูกาลใช้มากในหน้าหนาว และ DD คนใหม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องน้ำมัน คิดว่าน่าจะจัดการได้ ที่ผ่านมาการบินไทยได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันในราคาที่สูงทำให้ไม่ได้ค่อยได้รับประโยชน์ แต่พอมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาน่าจะมีอะไรดีขึ้น "สรุปแล้วยังมอง earnign ปีหน้าเป็นบวก จึงให้เก็งกำไร มีโอกาสปรับราคาใหม่ และคิดว่าปรับขึ้นสูง เพราะผลประกอบการปีนี้ต่ำ เพราะฉะนั้นปีหน้าจะมี upside อยู่"นายสิทธิเดช กล่าว
นางวชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ มองว่าผลประกอบการของ THAI ในไตรมาส 4/52 เพิ่มขึ้นจากฤดูท่องเที่ยวกลับมา ขณะที่การบินไทยมีความเสี่ยงเรื่องราคาน้ำมันสูง ก็ต้องไปดูว่าเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นจริงหรือเปล่า
"หุ้น THAI ในกระดาน ยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี(BV)ซึ่งอยู่ที่ 28 บาทก็ยังสามารถเข้าซื้อได้อยู่ ถ้ามุมมองเราเล่นระยะสั้นผลประกอบการในไตรมาส 4 นี้ และราคาได้ต่ำกว่าบุ๊ค แต่แนะให้รอราคาซื้ออ่อนตัวกว่านี้"นางวชิราลักษณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดหุ้นโดยรวมขณะนี้ แนะนำให้รอ"ขาย"เมื่อตลาดดีดขึ้นไป 730 จุด และลงไปซื้อเมื่อดัชนี 670-680 จุด ส่วนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ ต้องขอรอดูฝีมือก่อนจะประเมิน
บทวิเคราะห์ ของบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) คาดหมายว่า THAI จะประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/52 ขาดทุนปกติที่ 1,236 ล้านบาท(0.73 บาท/หุ้น)นับว่าฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักนั้นแม้ว่าปริมาณขนส่งผู้โดยสารคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15.8% qoq แต่รายได้ต่อคน(yield)คาดว่าลดลง 5.7% qoq จากการทำโปรโมชั่น 1 แถม 1 เรายังคาดอีกว่าบริษัทจะมีการบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 2,700 ล้านบาท ซึ่งหากรวมรายการพิเศษนี้ THAI จะมีขาดทุนสุทธิที่ 3,936 ล้านบาท (2.32 บาท/หุ้น)
แนวโน้มไตรมาส 4/52 เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว อีกทั้งปัญหาไข้หวัด 2009 คลี่คลายลงแล้ว ดังนั้น จึงคาดว่าปริมาณขนส่งผู้โดยสารจะเติบโตถึง 35% yoy และคาดว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติราว 3 พันล้านบาท จึงได้ประมาณการกำไรปกติปี 52 ที่ 1,366 ล้านบาท ฟื้นตัวจากปีก่อนที่ขาดทุนถึง 8.5 พันล้านบาท
ส่วนแนวโน้มปี 53 คาดว่าผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวอย่างโดดเด่น จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด อีกทั้ง THAI ได้มีการปรับโครงสร้างเพื่อลดต้นทุนขนานใหญ่ในปีนี้ จึงคาดว่าปี 53 จะมีกำไรปกติที่ 4,601 ล้านบาท (2.71 บาท/หุ้น)เติบโตถึง 237%
อย่างไรก็ตาม นายปิยสวัสดิ์ ระบุว่า ในปี 53 การบินไทยคงต้องเพิ่มทุน พร้อมทั้งปรับโครงสร้างหนี้ที่มียอดอยู่ประมาณ 1.6 แสนล้านบาทเพื่อลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้เหลือ 2 เท่า จากปัจจุบันมีอยู่กว่า 3 เท่า จึงเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาประกอบกในการลงทุนด้วย