นายชัยศิลป์ แต้มศิริชัย กรรมการผู้จัดการ บมจ.สหมิตรเครื่องกล(SMIT)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ภาพรวมยอดขายของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปี 52 น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรกของปี เนื่องจากยอดขายเริ่มดีขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ค.52 เป็นต้นมา และเดือน ส.ค.-ก.ย.ก็ปรับตัวดีขึ้นมาได้เรื่อย ๆ และในไตรมาส 4/52 น่าจะทำยอดขายได้ดีที่สุดของปีนี้ เพราะทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ทั้งปียังยอมรับว่ารายได้และกำไรจะลดลงจากปีก่อน แต่ยังจ่ายปันผลได้
"ผลประกอบการครึ่งปีหลังน่าฟื้นตัวขึ้นมาดีกว่าครึ่งปีแรก กำไรน่าจะขึ้นมาแต่ไม่มาก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างๆ" นายชัยศิลป์ กล่าว
ไตรมาส 3/52 ยอดขายจากเครื่องจักรก็ยังไปได้เรื่อยๆ แต่ไตรมาส 2/52 และไตรมาส 1/52 บริษัทมีกำไรก็ลดลง พอมาไตรมาส 3/52 กำไรก็ยังไม่มากนัก แต่แนวโน้มไตรมาส 4/52 จะดีขึ้นมากตามแนวโน้มเศรษฐกิจ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างๆ ทั้งการเมือง เช่น เรื่องรถไฟก็ก่อให้เกิดความเสียหาย มีการนัดหยุดงานก็จะส่งผลเสียหายต่อภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวแน่นอน
นายชัยศิลป์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้รวมปีนี้ก็น่าจะทำได้ถึง 1,000 กว่าล้านบาท โดยครึ่งปีแรกทำรายได้ราว 600 กว่าล้านบาทแล้ว แต่รายได้รวมในปีนี้ลดลงจากปีที่แล้วที่มีรายได้กว่า 1,800 กว่าล้านบาท แต่บริษัทตั้งเป้าหมายเน้นการทำกำไรได้แม้ว่าอาจจะลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย และจะสามารถจ่ายเงินปันผลของผลประกอบการงวดปี 52 ได้
"รายได้รวมปีนี้ผิดเป้าอยู่ตลอด แต่ผมไม่ค่อยสนใจ ต้องรักษาเรื่องผลกำไรไว้ ที่เราตั้งเป้าไว้ต้องไม่ขาดทุน หักค่าใช้จ่ายแล้วไม่ขาดทุน และจ่ายปันผลได้นิด ๆ หน่อย ๆ พอหอมปากหอมคอ (ปี 51 จ่ายในอัตรา 0.11 บาท/หุ้น) ปีนี้มีกำไรก็คิดว่าน่าจะยังมีจ่ายปันผลได้บ้าง"นายชัยศิลป์ กล่าว
อนึ่ง ปี 51 บริษัทมีกำไรที่ 142.61 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/52 กำไรอยู่ที่ 11.9 ล้านบาท ไตรมาส 2/52 กำไรเหลือ 2.1 ล้านบาท
นายชัยศิลป์ กล่าวว่า ธุรกิจเหล็ก ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน ธุรกิจไฟฟ้า ที่บริษัทร่วมรับงานด้านวิศวกรรมไฟฟ้ากับบมจ.ล็อกซเล่ย์(LOXLEY)มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท บริษัทกำลังรอดูว่างานในส่วนของ SMIT ราว 180-190 ล้านบาทจะสามารถรับรู้ได้ทันในปีนี้หรือไม่ และยังคาดว่างานภายใต้โครงการดังกล่าวจะเข้ามาอีกเรื่อย ๆ ในปีต่อไป
"สิ้นปีนี้ไม่รู้ว่าจะทันหรือเปล่าถ้ารับรู้ทันก็จะประมาณ 180-190 ล้านบาท ส่วนปีหน้ายังไม่ทราบว่าจะได้เท่าไร"นายชัยศิลป์ กล่าว
ปีนี้รายได้หลักยังเป็นยอดขายเหล็กราว 50% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งก็ดีขึ้นมาก พอไปได้สบายๆ โดยการขายเหล็กจะนำไปทำแม่พิมพ์และเครื่องมือต่างๆ ส่วนธุรกิจกระดาษ ไม้ ยอดขายก็ไปเรื่อยๆ ขณะที่ธุรกิจผลิตใบมีดก็มียอดขายเพิ่มขึ้นมา จากที่รายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจหลายตัวทำให้ balance กันไป บางธุรกิจอาจจะขาดทุน แต่บางตัวก็มีกำไรก็ถัวเฉลี่ยไป
"ธุรกิจกระดาษ ไม้ ยอดขายก็ไปเรื่อยๆ อย่างไม้ ปีนี้ส่งออกมากขึ้น โดยส่งไปอิหร่าน อิรัก ยอดขายเพิ่มขึ้นแต่ไม่ถึงกับมหาศาล ออร์เดอร์ก็เข้ามาเรื่อยๆ ธุรกิจผลิตใบมีดอุตสาหกรรม ยอดขายก็เพิ่มขึ้น ตอนนี้ก็ทำไม่ค่อยทัน โดยธุรกิจนี้สร้างรายได้เดือนละกว่า 2 ล้านบาท ทั้งส่งออกและขายในประเทศ"นายชัยศิลป์ กล่าว
ส่วนเรื่องราคาหุ้นขึ้นแรงวันนี้นั้น นายชัยศิลป์ กล่าวว่า ราคาหุ้น SMIT ยังต่ำกว่า Book Value(BV)ที่ 2.60 บาท/หุ้น และต่ำกว่า IPO ค่อนข้างมาก ดังนั้น ราคาเทรด 1.60-1.70 บาทถือว่ายังต่ำ คนที่เป็นนักลงทุนจริงๆ ต้องคำนึงถึงข้อนี้
"BV ก็ดี ผลประกอบการก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดที่ว่ารับไม่ได้...หุ้นขึ้นเยอะ เราก็ไม่ได้ขาย ไม่ทราบว่าใครเป็นคนขาย แต่เท่าที่ผ่านมาก็ไม่มีใครมาสนใจซื้อหุ้น ไม่มีพันธมิตร เราเอาตัวเรารอดได้" นายชัยศิลป์ กล่าว