บมจ.ปตท.(PTT) เตรียมปรับการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ(HIA) 25 โครงการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดให้สอดคล้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(คสช.) กำหนดเพิ่มเติมจากเดิมที่ให้แต่ละโครงการผ่านความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.)ได้ผนวก HIA เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ EIA รวมทั้งให้เป็นไปตามกรอบร่างแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) ไปแล้ว
"กลุ่ม ปตท. ยินดีให้ความร่วมมือเร่งดำเนินการเพิ่มเติมให้สอดคล้องกันกับมติ คสช. เพื่อให้การจัดทำ HIA ที่ประกอบอยู่ในรายงาน EIA เดิมของทั้ง 25 โครงการของกลุ่ม ปตท.มีความสมบูรณ์ครบถ้วนยิ่งขึ้น" นายปรัชญา ภิญญาวัธน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย PTT กล่าว
ทั้งนี้ มติ คสช.ได้อนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการในการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ(HIA) โดยให้บูรณาการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ EIA โดยใช้หลักเกณฑ์และวิธีการ HIA ของ สผ. และเพิ่มเติมประเด็นสำคัญๆ
นอกจากนี้ PTT ได้จัดทำโครงการความร่วมมือกับ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยมหิดล, กรมอนามัย และ สผ.ในการศึกษาและกำหนดแนวทางปฏิบัติด้านการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ สำหรับโครงการประเภทโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงผลิตไฟฟ้า(ก๊าซธรรมชาติ) และโครงการระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ ซึ่งได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้กว่า 4 เดือนแล้วเพื่อให้เกิดการบูรณาการจากทุกภาคส่วน
"เชื่อว่าจากนี้ไปมาตรการอื่นๆ ที่จะต้องดำเนินตามมาตรา 67 วรรค 2 ก็จะทยอยเห็นเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นทั้งในเรื่องการจัดตั้งองค์การอิสระและข้อกำหนดเพิ่มเติมด้านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งอยู่ระหว่างการแก้ไข พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมปี 2535 ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2553" นายปรัชญา กล่าว
นายปรัชญา กล่าวว่า มติ คสช.ดังกล่าวช่วยให้ผู้ประกอบการคลายความกังวลได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากภาครัฐได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยให้ทุกภาคส่วนช่วยกันดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ สังคม และชุมชน