นายวรพจน์ อุชุไพบูลย์วงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน บมจ.ช.การช่าง(CK)คาดว่า ในปี 53 บริษัทประเมินจากงานในมือที่มีอยู่ ณ ขณะนี้ น่าจะทำให้มียอดรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่าปีนี้ที่มี 1.3 หมื่นล้านบาท โดยอาจจะใกล้เคียงหรือสูงกว่าเล็กน้อย และยังมีโอกาสรับงานเพิ่มเติมจากงบลงทุนภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง และงบลงทุนส่วนอื่นของภาครัฐด้วย เชื่อว่าจะได้งานใหม่สูงกว่า 1.3 หมื่นล้านบาทในปีนี้
"ปีหน้า(รายได้)ใกล้เคียงกับปีนี้ อาจจะดีขึ้นกว่านิดหน่อย ที่เราประเมินเราค่อนข้าง conservative โดยรับรู้จากงานรถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนสายสีน้ำเงินไม่ได้เข้ามาอาจเป็นปี 54 และปี 53 งานในน้ำงึมหมดแล้ว แต่ว่า upside เรายังไม่ได้ใส่ใน model ของเราที่จะได้จากงานที่เป็นงบประมาณรัฐ, กทม. และไทยเข้มแข็ง ซึ่งเราก็รออยู่ แต่งานในมือที่เห็นแน่ๆ ก็น่าจะทำให้รายได้เติบโตใกล้เคียงกับปีนี้อย่างน้อยๆ ก็ประมาณ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท" นายวรพจน์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะเข้าประมูลงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต และโครงการส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินในช่วงไตรมาส 4/52 คาดว่าจะเปิดซองประมูลในปีหน้า
"ในไตรมาส 4 เรารอสายสีแดง สายสีน้ำเงินก็เปิดขายเอกสารประกวดราคา เบื้องต้นเราทำเองได้หมด ส่วนจะจับมือกับพันธมิตรหรือเปล่าก็ต้องดูกันอีกที ต้องรอดูเงื่อนไขในการประกวดราคาก่อน" นายวรพจน์ กล่าว
ส่วนการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางซื่อ-บางใหญ่)สัญญาที่ 1 นั้น นายวรพจน์ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างรอทางการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)ทำหนังสือแจ้งมาอย่างเป็นทางการที่จะให้เริ่มทำงานได้ ซึ่งตอนนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมงานทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว เมื่อรับหนังสือก็จะสามารถเริ่มลงมือก่อสร้างได้ทันที และจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาได้เลย
นายวรพจน์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 3/52 และไตรมาส 4/52 บริษัทยังมีงานใหม่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องตามที่ได้เข้ายื่นประมูลเอาไว้ ซึ่งบางส่วนก็เป็นงานขนาดเล็ก โดยงานใหม่ที่เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังจะทยอยรับรู้รายได้บางส่วนเข้ามาเลย แต่ส่วนใหญ่จะไปรับรู้ในปีหน้าและปีถัดไป
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ(Backlog)ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นมูลค่างานจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ภายใต้กิจการร่วมค้า CKTC ซึ่งคิดตามสัดส่วนหุ้นที่ถืออยู่ 70% เป็นเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากมูลค่างานทั้งหมด 14,292 ล้านบาท โดยร่วมกับโตคิว คอนสตรัคชั่น ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 30%
"มาร์จิ้นปีนี้ค่อยๆ ดีขึ้น เพราะงานใหม่ได้ราคาวัสดุในราคาใหม่"นายวรพจน์ กล่าว
ส่วนราคาวัสดุก่อสร้างขณะนี้เริ่มปรับเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว เช่น ราคาเหล็ก ก็คงไม่มีผลกระทบมากนัก เนื่องจากบริษัทได้เจรจาซื้อวัสดุก่อสร้างไว้บางส่วนแล้วสำหรับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง