โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.ผลิตและสำรวจปิโตรเลียม(PTTEP)เมื่อราคาอ่อนตัว เพื่อรอความชัดเจนความเสียหายจากอุบัติเหตุเพลิงไหม้แท่นหลุมผลิตในแหล่งมอนทาราที่ยังระงับเหตุเพลิงใหม้ไม่ได้ และยังไม่รู้ว่าวงเงินประกันจะครอบคลุมได้หมดหรือไม่ อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/52 ส่งผลให้ผลประกอบการอ่อนตัว
โบรกฯ จึงได้มีการปรับประมาณกำไรลงจากเดิม รวมทั้งปรับราคาเป้าหมายลงด้วย เนื่องจากคาดว่าจะมีการเลื่อนกำหนดผลิตของแหล่งมอนทาราไปประมาณ 18 เดือน อย่างไรก็ตาม ประมาณกำไรในปี 53 ก็ยังโตกว่าปี 52 จากราคาเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ปริมาณการขายและปริมาณการผลิตก็ยังสูงขึ้นแม้จะไม่มีการผลิตในแหล่งมอนทารา แต่จะเพิ่มจากแหล่งอาทิตย์เหนือ และ MTJDA ที่เริ่มในช่วงปลายปีนี้และปีหน้ารับรู้รายได้เต็มปี
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ซื้อลงทุน 194 บล.บัวหลวง ซื้อ 180 บล.ธนชาต ซื้อ 176 บล.กิมเอ็ง ซื้อเมื่ออ่อนตัว 160 บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อเมื่ออ่อนตัว 152(ไม่รวมมอนทารา)
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ไฟไหม้บริเวณแท่นเจาะ West Atlas ซึ่งเป็นของผู้รับเหมา รวมทั้งแท่นหลุมผลิต(Wellhead Platform)ของโครงการ Montara (PTTEP ถือหุ้น 100%)มูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ ต้องรอให้ไฟดับก่อน
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้โครงการ Montara ต้องเลี่อนออกไปจากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มผลิตในปลายไตรมาส 1/53 ออกไปโดยยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเป็นเมื่อไร เบื้องต้นประเมินว่าโครงการอาจมีความล่าช้าออกไป 18 เดือน
นอกจากนั้น ยังจะทำให้ปริมาณการขายในปีหน้าหายไปประมาณ 8% เหลือ 267,413 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 291,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน โดยคาดว่าแหล่งมอนทาราจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 4/54 และยังมีค่าใช้จ่ายและตั้งสำรองก็จะบันทึกในไตรมาส 4/52 โดยไม่รู้ว่าวงเงินประกันที่ทำไว้จะครอบคลุมความเสียหายได้หมดหรือไม่
ดังนั้น จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลดลง 14% เป็น 25,251 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 7.67 บาท หรือ ลดลง 39% จากปี 51 และปรับประมาณการปี 53 ลง 19% เป็น 38,858 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 11.75 บาท แต่ก็ยังเติบโต 54% จากปีก่อน ทำให้ปรับราคาที่เหมาะสม ปรับลงเป็น 160 บาท จากเดิม 193 บาท
ปีหน้ามองว่าปริมาณขายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นจากแหล่งอาทิตย์เหนือ และแหล่ง MJDA แม้จะไม่มีการผลิตจากแหล่งมอนทารา ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยจะสูงกว่าปีนี้ซึ่งปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่คาดว่าปีหน้าราคาเฉลี่ยที่ 75 เหรียญ/บาร์เรลจากปีนี้
"ปีนี้ย่ำแย่ โดนทั้งราคาขายตก น้ำมันรั่ว ไฟไหม้ แต่ปีหน้าก็ยังโตได้ แต่ในตลาด(หุ้น)ฝรั่งยังขายต่อเนื่อง ก็น่าจะรอให้ราคาอ่อนตัว รอตลาดปรับฐานน่าจะลงได้ต่อ แต่ก็เชื่อว่าราคาหุ้นน่าจะยืนได้ประมาณ 130-132 บาทได้ ก็ให้เข้าไปรับในราคา 130-132 แถวๆนั้น"นายกิติชาญ กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวมองไว้ 2 กรณี คือ หากต้องเลื่อนการผลิตไป 18 เดือนจริงตามที่ผู้บริหารคาดการณ์ คาดว่าจะต้องก่อสร้างแท่นผลิตใหม่และเริ่มผลิตได้ในปลายไตรมาส 3/54 ก็จะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 53 ลดลง 14% จากประมาณการเดิมเหลือ 37,282 ล้านบาท และมูลค่าพื้นฐานจะลดลงมาที่ 180 บาท และถ้ามองไปอีกมุมหนึ่ง คือ หากตัดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของทั้งโครงการโดยการถอดประมาณการทั้งโครงการออก มูลค่าพื้นฐานจะลดลงมาที่ 152 บาท จากเดิม 188 บาท
"เรายังไม่ได้ปรับลดทีเดียว แต่ให้เป็น guide line แนวโน้มราคาที่ปรับลงในอนาคต เพราะขณะนี้ยังไม่รู้จริงๆว่าความเสียหายมากน้อยแค่ไหน การปรับประมาณการตอนนี้อาจจะเร็วเกินไป ซึ่งทั้ง 2 กรณี คือ 180 บาท กับ 152 บาท ก็ยังเป็นราคาที่สูงกว่าราคาในกระดานในปัจจุบัน แต่ด้วยความไม่ชัดเจน ราคาจึงยังไม่ได้ปรับขึ้นในเร็วๆ นี้ แนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัว เพราะความไม่ชัดเจนของความเสียหาย คงต้องดูอีกทีว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มหรือเปล่า"นักวิเคราะห์ กล่าว
ส่วนผลประกอบการในปีหน้า เมื่อตัดโครงการมอนทาราออก แต่กำไรในปีหน้าก็ยังเติบโตได้ โดยคาดว่ากำไรเติบโต 23% จากปีนี้เป็น 37,282 ล้านบาท ปัจจัยผลักดัน คือ ปริมาณการผลิตจาก MTJDA(เริ่มผลิตต้นพ.ย.52)กับอาทิตย์เหนือ(เริ่มผลิตกลาง ต.ค.52)ซึ่งทั้งสองโครงการจะรับรู้เต็มปี ประกอบกับ คาดว่าราคาขายเฉลี่ยในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และปริมาณขายคาดว่าเติบโต 14% จากปีนี้ แม้ว่าแหล่งผลิตมอนทาราจะหายไป 9%
บทวิเคราะห์ของ บล.พัฒนสิน ระบุถึงผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ของแหล่ง Montara ที่ PTTEP ถือหุ้นสัดส่วน 100% ในกรณีที่หากต้องเลื่อนการผลิตเชิงพาณิชย์ของแหล่ง Montara ไป 1 ปี จากเดิมปี 53 เป็นปี 54 จะมีผลให้ปริมาณยอดขายปิโตรเลียมปี 53 จะลดลงจากประมาณการปัจจุบันราว 12% และจะเลื่อนไปรับรู้ผลผลิตจากโครงการดังกล่าวในปี 54-55 ซึ่งจะทำให้ปริมาณการขายปิโตรเลียมในปีดังกล่าว เพิ่มขึ้นราว 11% และ 6% ตามลำดับ จากประมาณการปัจจุบัน
ขณะที่ผลกระทบดังกล่าวจะทำให้กำไรสุทธิปี 53 หายไปราว 17% จากประมาณการปัจจุบันของเรา และส่วนแบ่งกำไรจากแหล่งดังกล่าวจะเลื่อนไปรับรู้ในปี 54-55 ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิในปีดังกล่าวเพิ่มขึ้น 11% และ 6% ตามลำดับ กรณีดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาเป้าหมายลดลง 4 บาท/หุ้น หรือ 2% จากราคาเป้าหมายปัจจุบันที่ 193 บาท
และกรณีเลวร้ายสุด หากไม่มีการรับรู้ผลผลิตจากโครงการ Montara เลย จะมีผลให้ปริมาณยอดขายปิโตรเลียมปี 53-54 คาดจะหายไปราว 12% เป็น 263,063 บาร์เรล/วัน (จากประมาณการปัจจุบันที่ 298,063 บาร์เรล/วัน และ 6% ตามลำดับ และกำไรสุทธิคาดจะหายไปราว 17% และ 6% ตามลำดับ จะส่งผลให้ราคาเป้าหมายลดลง 12 บาท/หุ้น หรือ 6%
บทวิเคราะห์ของบล.บัวหลวง ระบุว่าจากเหตุเพลิงใหม้เท่นขุดเจาะส่งผลให้แหล่งมอนทาราเลื่อนการผลิตอย่างอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในครึ่งหลังปี 54 ภายใต้สมมติฐานว่าจะสร้างแท่นขุดเจาะใหม่ ซึ่งโดยปกติใช้เวลาประมาณ 18 เดือน
จึงได้ปรับลดประมาณการยอดขายปิโตรเลียมของ PTTEP ในปี 53 ลง 10% เป็น 253,000 บาร์เรลต่อวัน (จากเดิมที่ 282,000 บาร์เรลต่อวัน) และปรับลดลง 1% ในปี 54 อยู่ที่ 281,000 บาร์เรลต่อวัน และปรับประมาณการกำไรในปีหน้าลง แต่แนวโน้มกำไรของบริษัทปีหน้าก็ยังแข็งแกร่ง โดยประมาณการกำไรเติบโต 16.3% YoY ในปี 53
"แม้เหตุการณ์เกิดเพลิงไหม้จะลดความน่าสนใจในการลงทุนในหุ้น PTTEP จนกว่าจะถึงเวลาที่แหล่งมอนทาราเริ่มดำเนินงานจะชัดเจนขึ้น เราคิดว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 5.5% เมื่อวานนี้หลังจากเกิดเหตุ และราคาที่ตกลง 15.4% จากระดับสูงสุดในช่วงกลางเดือน ต.ค.ได้สะท้อนความเสี่ยงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแล้ว ภายใต้สถานการณ์พื้นฐาน และสถานการณ์ที่แย่ที่สุด ราคาเป้าหมายปี 53 คิดตามวิธี DCF จะปรับลดลง 10 บาทและ 23 บาทตามลำดับ มาอยู่ที่ 180 และ 167 บาท ซึ่งมี upside จากราคาปัจจุบัน 22-31%"บทวิเคราะห์ ระบุ