CEN คาดปี 53 รายได้โตไม่ต่ำกว่า 15% รุกขยายงาน ตปท.เจรจาลิเบีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 10, 2009 12:31 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองประธานกรรมการ บมจ. แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค (CEN) คาดว่ารายได้ของบริษัทในปี 53 จะมีอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 15% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะการกระตุ้นจากภาครัฐ ทำให้มีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก

อีกทั้ง CEN มีแผนที่จะรุกตลาดไปยังต่างประเทศ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการในประเทศลิเบีย คาดว่าจะสามารถส่งสินค้าไปจำหน่ายได้ในปีหน้า พร้อมกันนี้ยังพยายามมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในและนอกประเทศเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ของ CEN เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

นอกจากนั้น ยังเชื่อว่าในปีนี้รายได้น่าจะทำได้ตามเป้าหมาย และสร้างผลกำไรได้ เนื่องจากการดำเนินธุรกิจที่ยังมีการขยายตัว ผนวกกับไตรมาส 4/52 คาดว่าจะทำได้ดีไม่แพ้ไตรมาส 3/52

CEN รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/52 พลิกมีกำไรสุทธิ 36.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 208.66% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/52 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 33.36 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทย่อยทั้ง 3 แห่งคือ บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรีส์จำกัด, บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด มีผลประกอบการดีขึ้นทั้งหมด ตามผลบวกจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ฟื้นตัวภายหลังจากรัฐบาลผลักดันและกระตุ้นให้เกิดโครงการใหม่ๆ อาทิ โครงการไทยเข้มแข็ง เป็นต้น

นายวุฒิชัย กล่าวว่า สำหรับ บมจ.เอื้อวิทยา ซึ่งผลิตและจำหน่ายโครงเหล็กชุบสังกะสีสำหรับเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เสาโทรคมนาคม และโครงเหล็กสถานีไฟฟ้าย่อย ยังมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องตามโครงการขยายระบบสายส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งยังคงมีความต้องการสูงจากความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

และ แนวโน้มในปี 53 ยังมีการเปิดประมูลโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท และบริษัทคาดว่าจะสามารถชนะการประมูลและคว้างานมาได้กว่า 40-50% เนื่องจากเอื้อวิทยาเป็นบริษัทที่สามารถผลิตสายไฟฟ้าขนาด 500 kV. ได้

ในส่วนของ บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านบริหารการจัดการพลังงาน และบริหารโรงผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่บริษัท เดอะ สยามเซรามิค กรุ๊ป อินดัสทรีส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือปูนซีเมนต์ไทย ปัจจุบันมีการปรับปรุงประสิทธิภาพและสามารถดำเนินงานได้ตามแผนที่วางไว้ได้ทั้งการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าและพลังงานความร้อน

บริษัทยังสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย โดยเฉพาะการจัดการเกี่ยวกับวัตถุดิบ ซึ่งได้มีคณะทำงานคอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาวัตถุดิบอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปัญหาเรื่องของราคาเหล็กที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในปีที่แล้ว ซึ่งในไตรมาส 1/52 ถึงไตรมาส 2/52 บริษัทได้มีการจัดการปรับต้นทุนเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางราคาเหล็กเรียบร้อยแล้ว เพื่อรับมือกับสถานการณ์และแนวโน้มของราคาและปริมาณความต้องการ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ