โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF)ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาเหมาะสม หลังจากกำไรในไตรมาส 3/52 ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และประเมินว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลในครึ่งหลังปี 52 สูง ราว 0.34-0.50 บาท/หุ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลพุ่งไปถึง 10% และปีหน้าโอกาสปี 53 กำไรโตต่อเนื่องจากที่บริษัทได้สต็อกข้าวโพด และกากถั่วเหลืองยาวไปถึงกลางปีหน้า
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ธนชาต ซื้อ 11.00 บล.เคจีไอ ซื้อ 10.60 บล.กิมเอ็ง ซื้อ 10.80 สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ซื้อ 10.00 บล.เอเซียพลัส ซื้อ 10.96 บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ รอปรับขึ้นราคาเป้าหมาย
นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3/52 ออกมาดีกว่าที่คาดไว้โดยทำกำไรได้ถึง 4.1 พันล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากกำไรการลงทุนในไต้หวันด้วย ซึ่งถือว่าเป็นกำไรที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรในไตรมาส 4/52 อาจจะออกมาต่ำกว่านี้ หรือใกล้เคียงไตรมาส 3/52 ที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 3.8 พันล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจสัตว์น้ำ และทั้งปี 52 คาดว่ายอดขายจะอยู่ที่ 1.6 แสนล้านบาท
"เรากำลังทบทวนกำไรทั้งปี 52 ใหม่ หลังจากกำไรไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าที่คิดไว้ ซึ่งคิดว่าไตรมาส 3 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุด และกำไรในปีหน้าก็กำลังทบทวนด้วย คงประเมินราคาเป้าหมายใหม่ ปรับขึ้นอยู่ในช่วงระหว่าง 8 บาท ถึง 10 บาท จากเดิมให้ไว้ 6.40"นายสิทธิเดช กล่าว
จากการประชุมนักวิเคราะห์เย็นวานนี้ ผู้บริหาร CPF ระบุว่าในปีหน้าบริษัทได้สต็อกวัตถุดิบไว้แล้ว ได้แก่ ข้าวโพด ได้ล็อกราคายาวไปถึงเดือน ก.ย.53 และกากถั่วเหลืองได้ซื้อล่วงหน้าไปถึง มิ.ย.53 ถือว่าเป็นปัจจัยบวกในปีหน้า อย่างไรก็ตาม มองว่าในปีหน้า กำไรของบริษัทจะทรงตัว จากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น หากราคาเนื้อสัตว์ไม่ปรับสูงขึ้นจากปีนี้
บทวิเคราะห์ บล.ธนชาต ระบุ CPF รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q09 แข็งแกร่งที่ 4.1 พันลบ. เพิ่มขึ้น 197%yoy และ 29%qoq หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการลงทุนจำนวน 479 ล้านบาท กำไรปกติจะมีจำนวน 3.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 122%yoy และ 18%qoq เป็นกำไรในระดับที่เหนือความคาดหมายของตลาด และกำไรมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่องไปยังช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า และมี dividend yield ที่ดีในระดับ 10%
กำไรจากการดำเนินงานสามารถแบ่งออกได้เป็นกำไรจากธุรกิจปศุสัตว์ในสัดส่วน 50% เกษตรสัตว์น้ำ 36% และธุรกิจต่างประเทศ 13% โดยการฟื้นตัวของธุรกิจที่ตุรกีเป็นสาเหตุที่ทำให้กำไรจากธุรกิจต่างประเทศมีสัดส่วนที่สูงขึ้น จากเดิมที่มีสัดส่วน 5% ของกำไรจากการดำเนินงานรวมในช่วงไตรมาส 3/52 มาอยู่ที่ 13% ในไตรมาสนี้
และเนื่องจากบริษัทฯ มีสต๊อกข้าวโพด และถั่วเหลือง ที่มีราคาถูก และยังคงใช้ได้ถึงเดือนเม.ย. ปีหน้า เราจึงเชื่อว่า CPF เป็นไปได้ที่จะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงนี้ไว้ได้ ขณะที่อัตราการเติบโตน่าจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องไปยังช่วงไตรมาส 1/53 ที่ระดับมากกว่า 300%yoy
"ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 100%ytd แต่ CPF ยังคงไม่แพง โดยซื้อขายที่ระดับ P/E ที่ 9 เท่า และ P/BV ที่ 1.2 เท่า ต่ำกว่าราคาเป้าหมายของเราที่ 11 บาท/หุ้นราว 11% ปัจจัยหลักผลักดันราคาหุ้น คือ กำไรที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง , การปรับเพิ่มประมาณการของตลาด และปันผลจ่ายงวด 2H09 จำนวน 0.5 บาท/หุ้น ซึ่งทำให้ dividend yield ทั้งปีอยู่ที่ 10%" บทวิเคราะห์ ระบุ
ส่วน บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)คาดว่าผลประกอบการของ CPF ในปี 53 จะยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีจากการที่ธุรกิจกุ้งยังคงเติบโต ธุรกิจอาหารมีการขยายตัวต่อเนื่อง เช่นเดียวกับธุรกิจในต่างประเทศ ส่วนต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำจากการที่ CPF ได้สต็อคข้าวโพดไว้ใช้จนถึงกลางปีหน้าแล้ว อีกทั้งยังมีการซื้อสัญญาล่วงหน้าสำหรับกากถั่วเหลืองไว้จนถึงเดือนเมษายน และซื้อสัญญาล่วงหน้าสำหรับค่าขนส่งไว้จนถึงเดือนกันยายนแล้ว
อย่างไรก็ดี เรายังคงคาดการณ์แบบระมัดระวังภายใต้สมมติฐานว่าอัตรากำไรลดลงจากธุรกิจเนื้อสัตว์ โดยประเมินว่ากำไรจะเท่ากับ 6,926 ล้านบาท(0.98 บาท/หุ้น) ลดลง 27%
"จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งเราจึงคาดว่า CPF จะจ่ายเงินปันผลในครึ่งปีหลัง 0.34 บาท/หุ้นซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสำหรับช่วงครึ่งปีที่ 3.5% เราคงคำแนะนำ ซื้อ โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 10.80 บาทซึ่งประเมินด้วย PER ปี 2552 ที่ระดับ 11 เท่า" บล.กิมเอ็งระบุ