นายศุขสนั่น โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการ บมจ.พีเออี(ประเทศไทย)(PAE)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะรู้ผลการเข้าร่วมประมูลการก่อสร้างโรงแรมในตะวันออกลาง มูลค่าหลักพันล้านบาท ในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นงานที่จะร่วมมือกับผู้รับเหมาจากประเทศจีน
บริษัทยังมีงานก่อสร้างโครงการด้าน Oil&Gas ในตะวันออกกลางที่จะเริ่มปลายเดือน พ.ย.-ธ.ค.โดยเป็นงานที่ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เช่นกัน มูลค่างานทั้งหมด 200 กว่าล้านเหรียญสหรัฐเป็นงานขนาดใหญ่มาก ซึ่งจะรู้ผลส่วนแบ่งงานที่บริษัทจะได้รับภายในเดือน พ.ย.นี้
นอกจากนี้ ยังมีงานทางด้าน Oil&Gas ที่ทางกลุ่ม GPS ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทกำลังดำเนินการอยู่ที่ประเทศไนจีเรียกับเยเมน ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีส่วนร่วมในงานดังกล่าว เพราะถ้าผู้ถือหุ้นใหญ่ได้งานเราก็จะได้งานบางส่วนจากตรงนี้ "งานทุกอย่างตั้งแต่ต้นปีมาไม่ชัดเจน แต่ตอนนี้ก็เริ่มที่จะขยับตัวขึ้นมา ก็จะมีทั้งงานที่เจรจาไปแล้ว กำลังเจรจาอยู่ และดูว่าเจ้าของงานจะพร้อมเมื่อไร...เราทำร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพราะในราคาของผู้รับเหมาไทยเองอาจจะสู้ราคาไม่ได้ก็ต้องหาพันธมิตรเข้าไปทำร่วม"นายศุขสนั่น กล่าว
นายศุขสนั่น กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ กลุ่ม GPS คงสัดส่วนการถือหุ้น 29% เนื่องจากไม่ได้ใช้สิทธิแปลงสภาพวอแรนท์ที่หมดอายุไปตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากหลังจากเดือน ก.ย.51 เป็นต้นมาราคาหุ้น PAE ปรับตัวลดลง และบรรยากาศของการลงทุนในตลาดทั่วไปในช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมาไม่มีความชัดเจน ทำให้การระดมทุนไม่ครบขั้นตอนตามที่วางแผนไว้
แต่ขณะนี้พอจะเริ่มมีความชัดเจนขึ้นมาแล้ว ตอนนี้เราก็จะมาวางแผนกันใหม่รอให้ทุกอย่างดีขึ้น
"การระดมทุนไม่ได้ตามแผนที่คาดการณ์ไว้จากเดิม ซึ่งเราก็ต้องแก้ไขปัญหากันไป ต้องดูธุรกิจทางด้านนี้ในปีนี้และปีหน้าสภาพจะเป็นอย่างไร"นายศุขสนั่น กล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ PAE ได้ออกวอร์แรนท์ให้ GPS จำนวน 254.36 ล้านหน่วย กำหนดใช้สิทธิแปลงสภาพภายใน 12 เดือน สัดส่วน 1 วอร์แรนท์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคาหุ้นละ 1.32 บาท หากมีการใช้สิทธิจะทำให้ GPS ถือหุ้น PAE เพิ่มเป็น 49%
*เห็นแนวโน้ม Q3/52 ดีขึ้นหลังงานเริ่มทยอยเข้า-ราคาน้ำมันพุ่งหนุนงาน Oil&Gas
นายศุขสนั่น กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาส 3/52 ว่าน่าจะดีขึ้นกว่าจากเดิมที่ขาดทุน เพราะในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาตั้งแต่เดือน ก.ค.52 งานเริ่มทยอยเข้ามา ภาพทั่วๆไปดี เชื่อว่าทุกอย่างก็จะดีขึ้นในระยะต่อไป
ส่วนรายได้รวมปีนี้จะเติบโตเท่าตัวหรือไม่ก็ยังต้องรอดูก่อน เพราะขึ้นอยู่กับหลายงาน ทั้งงานที่เราติดตามอยู่ตลอดและรอความชัดเจนจากเจ้าของงาน ส่วนปีนี้จะพลิกเป็นกำไรเพื่อล้างขาดทุนสะสมได้หรือไม่ ยังไม่ทราบ
"โครงการต่างๆ ขยับมาเป็นเดือนก.ค.ทุกอย่างตรงข้ามกับไตรมาส 1 และไตรมาส 2 พอไตรมาส 4 ก็น่าจะดีขึ้นเพราะตอนนี้งานต่างๆ ก็เริ่มอยู่ตัวแล้ว ที่เราทำการปรับปรุงไปก็พร้อมที่จะกลับมาเริ่มมีการทดลอง ซึ่งงานส่วนใหญ่เลื่อนจากครึ่งปีแรกมาเป็นไตรมาส 3" นายศุขสนั่น กล่าว
โดยปี 51 ขาดทุนสุทธิ 151 ล้านบาท มีรายได้รวม 468.67 ล้านบาท
อนึ่ง ไตรมาส 2/52 ขาดทุนสุทธิ 46.81 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 1/52 ขาดทุนสุทธิ 13.03 ล้านบาท
นายศขสนั่น กล่าวว่า สำหรับทิศทางปี 53 บริษัทคงต้องประเมินอีกครั้ง เพราะงานเพิ่งเริ่มที่จะกระเตื้องขึ้นมาเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา และงานในเมืองไทยก็ยังไม่ได้เริ่มเข้ามา บริษัทหันไปเน้นที่ตะวันออกกลางก่อน แต่การที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นไปในระดับกว่า 70 เหรียญฯ ทำให้เราคาดว่าจะได้รับผลดี เพราะจะทำให้ผู้ลงทุนทางด้าน Oil&Gas มองเห็นภาพมากขึ้นและเชื่อว่าจะมีการลงทุนมากขึ้น ทุกฝ่ายน่าจะขยับตัวตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า
"ถ้าราคาน้ำมันขึ้นของเราก็จะกระเตื้องขึ้น เพราะผู้ที่ถือสัมปทานทางด้านน้ำมันและแก๊สก็จะหันกลับเข้ามาลงทุนเพิ่ม มาพัฒนาแหล่งแก๊ส แหล่งอะไรต่างๆ เราอยู่ตรงนี้ ก็ต้องมีการพัฒนาปรับปรุงระบบต่างๆ" นายศุขสนั่น กล่าว
กรณีโครงการมาบตาพุดที่ระงับไปชั่วคราวยังไม่มีผลกระทบกับบริษัทมากนัก เพราะไม่มีงานค้างอยู่ตรงนั้น แต่จะกระทบคือโครงการใหม่ๆ จะล่าช้าลง งานใหม่ๆ ที่เราคิดว่ามีโอกาสที่จะเข้าไปร่วมทำก็ชะงักไป โรงงานปรับปรุงประสิทธิภาพไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่อุตสาหกรรมประเภทนี้จะต้องมีการพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่องให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น