GLOW เผยไม่มีแผนหยุดซ่อมบำรุงตั้งแต่ Q4/52 ถึงปลายปี 54

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 11, 2009 09:45 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โกลว์ พลังงาน(GLOW)กล่าวว่า ความพร้อมจ่ายไฟฟ้าจะกลับมาสู่ภาวะปกติในไตรมาส 4/52 และบริษัทไม่มีแผนการซ่อมบำรุงหลักไปจนกระทั่งปลายปี 54 หลังจากไตรมาส 3/52 ได้หยุดซ่อมบำรุงย่อยนอกแผนงาน และการหยุดซ่อมบำรุงหลักตามแผนงาน

นอกจากนี้ บริษัทยังคงติดตามผลกระทบของการหยุดระงับโครงการต่าง ๆ ของลูกค้าในมาบตาพุดอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันโกลว์ได้รับใบอนุญาตที่จำเป็นสำหรับการขยายโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 115 เมกกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงขนาด 382 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้า IPP ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงขนาด 660 เมกกะวัตต์

การขยายโครงการใหม่ของกลุ่มบริษัทโกลว์จะใช้เทคโนโลยีที่มีการปล่อยมลสารต่ำ และจะมีการลงทุนเพื่อลดการปล่อยมลสารของโรงไฟฟ้าปัจจุบันของเรา ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะก่อให้เกิดการปรับปรุงคุณภาพอากาศในมาบตาพุดโดยรวม เราเชื่อมั่นว่าโครงการของบริษัทจะเป็นโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนดังจะเห็นได้จากอัตราการปล่อยมลสารทั้งของโครงการที่มีอยู่เดิมและโครงการใหม่จะมีค่าน้อยกว่าระดับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

GLOW รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/52 มีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ จำนวน 899ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจากยอดขายของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ที่การจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำได้กลับมาสู่ภาวะปกติตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา และอัตรากำไรจากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น อันสืบเนื่องมาจากราคาเชื้อเพลิงที่ทรงตัวสอดคล้องกับราคาค่าไฟฟ้า

ผลประกอบการของไตรมาส 3/52 ปรับตัวลดลง 274 ล้านบาทจากไตรมาสที่ผ่านมาประกอบไปด้วย 2 เหตุผลหลักคือ ประการแรก ในไตรมาส 3/52 ไม่มีการบันทึกรายได้เงินชดเชยจากการหยุดดำเนินการนอกแผนงานเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ของโรงไฟฟ้าถ่านหินหน่วยที่ 1 กำลังการผลิต 150 เมกกะวัตต์ ในขณะที่มีการบันทึกรายได้ดังกล่าวในไตรมาส 2/52 ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะได้รับเงินชดเชยเพิ่มเติมอีกกว่า 100 ล้านบาท

และเหตุผลอีกประการหนึ่งคือความพร้อมจ่ายไฟฟ้า (Availability) ลดลง เนื่องมาจากการหยุดซ่อมบำรุงย่อยนอกแผนงาน และการหยุดซ่อมบำรุงหลักตามแผนงานเป็นระยะเวลา 1 เดือนของโรงไฟฟ้าถ่านหินหน่วยที่ 2 กำลังการผลิต 150 เมกกะวัตต์ ที่เลื่อนมาจากไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งผลกระทบของการหยุดซ่อมบำรุงทั้งสองส่งผลต่อกำไรของไตรมาส 3 ประมาณ 100 ล้านบาท

"การดำเนินงานและผลประกอบการของกลุ่มบริษัทโกลว์ได้กลับมาอยู่ในระดับปกติ รวมถึงยอดขายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมก็กลับมาอยู่ในระดับที่ได้คาดการณ์ไว้เช่นกัน กำไรจากการดำเนินงานของเราปรับตัวดีขึ้น ส่งผลมาจากค่า Ft ที่ยังคงที่อยู่ในระดับที่สูงในขณะที่ราคาเชื้อเพลิงมีเสถียรภาพมากขึ้น" นายเอซ่า กล่าว

ส่วนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคลในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยอัตราภาษีเฉลี่ย (Effective tax rate) ของกลุ่มบริษัทค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากสิทธิพิเศษทางภาษีของโรงไฟฟ้าในกลุ่มบริษัทบางหน่วยได้หมดอายุลง อย่างไรก็ตามอัตราภาษีเฉลี่ยของกลุ่มบริษัทโดยรวมจะต่ำลงภายหลังการเริ่มต้นของระยะเวลาการยกเว้นภาษีของโครงการขยายโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะทยอยเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 53 นี้

นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินกลุ่ม GLOW กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยจ่ายไม่ได้มาจากต้นทุนการจัดหาเงินทุนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่เนื่องมาจากการเพิ่มสูงขึ้นของยอดรวมเงินกู้ยืมโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลยุทธ์ในการจัดหาเงินทุนเข้ามาก่อนตั้งแต่ช่วงต้นปี การดำเนินการดังกล่าวมุ่งหวังเพื่อลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่สืบเนื่องมาจากปัญหาของตลาดการเงินโลก โดยขณะนี้บริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอต่อการขยายงานจนถึงไตรมาส 2/53 นี้ ซึ่งเรามีความเชื่อมั่นมากว่าจะสามารถจัดหาเงินทุนในส่วนที่เหลือสำหรับโครงการใหม่ได้ เนื่องจากพื้นฐานธุรกิจของกลุ่มบริษัทที่มั่นคง ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และสภาวะตลาดที่เอื้ออำนวยมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ