GL เผย APF เล็งขายหุ้นราว 10%ให้ PP แก้ฟรีโฟลต,รับปี 52 รายได้-กำไรหด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 16, 2009 17:49 —SMS: IQ ข่าวหุ้น

นายสามารถ จิระดำรง กรรมการผู้จัดการ บมจ.กรุ๊ปลีส (GL) เปิดเผยว่า กองทุน APF Group ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มีแนวทางการแก้ไขปัญหาฟรีโฟลตต่ำหลังจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ได้เตือนให้บริษัทเร่งแก้ไขปัญหา โดย APF Group กำลังพิจารณาลดสัดส่วนถือหุ้นลง 10% เพื่อเสนอขายให้กับผู้ลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)ที่สนใจจะเข้ามาถือหุ้นของบริษัท

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ นายสามารถ คาดว่ารายได้และกำไรปี 52 ต่ำกว่าปีก่อน สาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจหดตัวส่งผลกระทบต่อผู้ใช้แรงงาน ทำให้มีอัตราการเลิกจ้างและอัตรการว่างงานสูงขึ้น โดยยอดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ลดลง ประกอบกับ ทำให้บริษัทมีปัญหาหนี้เสียเพิ่มขึ้น

"หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)สิ้นไตรมาส 3 เพิ่มเป็น 5.5% จากเดิมที่อยู่ที่ระดับ 4% เนื่องจากลูกค้าไม่สามารถผ่อนส่งรถจักยานยนต์ได้ และบริษัทจำเป็นต้องยึดคืนและใช้วิธีการขายขาดทุนเพื่อให้ได้ต้นทุนกลับคืนมาบ้าง ทำให้ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ไม่ดีนักสำหรับบริษัท"นายสามารถ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยอัตราการจ้างงานของประเทศเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/52 ทำให้เชื่อว่าบริษัทจะสามารถปล่อยสินเชื่อลูกค้าได้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งในปีนี้อัตราสินเชื่อคงค้างรวมน่าจะอยู่ที่ 2 พันล้านบาท เกือบทั้งหมดเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์

นายสามารถ กล่าวว่า บริษัทก็ยังคงระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้เสียเพิ่มขึ้น เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนสูงในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัจจัยการเมืองหากมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภาคการผลิตก็จะส่งผลให้กำลังซื้อลดลงและ ปัจจัยเรื่องมาบตาพุดก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลเพราะหากปัญหายืดเยื้อไปจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าหลักที่ใช้แรงงานโดยตรง บริษัทก็มุ่งหวังที่จะทำให้ NPL ลดลงมาต่ำกว่า 4%

ส่วนปีหน้าคาดว่ารายได้ของ GL จะเติบโตไม่ถึง 10% โดยเป็นการตั้งเป้าหมายภายใต้มุมมองแบบ Conservative เนื่องจากยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ไม่แน่นอน

*APF อยู่ระหว่างการเข้าเทคฯ ธุรกิจอสังหาฯ คาดสรุปต้นปีหน้า

นายมิทซุจิ โคโนชิตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอเชีย พาร์ทเนอร์ชิพ ฟันด์ กรุ๊ป(APF Group) กล่าวว่า กองทุนฯ ยังคงมองการลงทุนทั้งในและนอกตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปีหน้าจะสามารถสรุปดีลเข้าลงทุนอย่างน้อย 2-3 ดีล หลังจากที่ในปีนี้ไม่สามารถสรุปดีลในประเทศไทยเพิ่มเติมได้เลย สาเหตุจากราคาและสัดส่วนการถือหุ้นไม่เป็นไปตามที่บริษัทต้องการ

สำหรับกลุ่มที่บริษัทให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบริษัทที่ถือหุ้นโดยสถาบันการเงินจากสหรัฐฯ ที่ประสบปัญหาวิกฤตและอาจจะมีการขายหุ้นที่ถือไว้ออกมา ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่าการเจรจา นอกจากนั้น ยังสนใจธุรกิจกลุ่มธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินรูปแบบอื่นด้วย

"ทางกองทุน APF Group ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศไทย แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีปัญหาด้านการเมือง แต่มองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโต และวัฒนธรรมสอดคล้องกับญี่ปุ่น"นายมิทซุจิ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ