บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 8,400 ล้านบาทของ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) ที่ระดับ “A+"
อันดับเครดิตหุ้นกู้ใหม่นี้ใช้แทนอันดับเครดิตที่ทริสเรทติ้งจัดไว้เมื่อวันที่ 30 ต.ค.52 สำหรับหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาทที่มีกำหนดไถ่ถอนภายในปี 58 เนื่องจาก CPF ตัดสินใจเพิ่มวงเงินหุ้นกู้อีกจำนวน 400 ล้านบาท
ในขณะเดียวกันทริสเรทติ้งยังประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของ CPF ที่ระดับ “A+" พร้อมแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"
อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม การมีสินค้าและตลาดรองรับที่หลากหลาย การลงทุนในต่างประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ตลอดจนผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภคที่ได้รับความนิยมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การให้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทที่ค่อนข้างต่ำ ตลอดจนความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความเสี่ยงต่อโรคระบาดต่างๆ ด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต“Stable"หรือ“คงที่"สะท้อนความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานภาพผู้นำในธุรกิจเกษตรอาหารที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเอาไว้ได้ ทั้งนี้ การตัดสินใจนำตราสัญลักษณ์ “CP" มาใช้กับผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัทนับว่ามีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์และน่าจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าพื้นฐานของบริษัทได้บางส่วน
ทริสเรทติ้งรายงานว่า CPF เป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งธุรกิจดังกล่าวถือเป็นธุรกิจหลักของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในประเทศไทยด้วย โดย ณ เดือน เม.ย.52 CP และ บริษัทในเครือถือหุ้นในบริษัท 41% ธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักคือ กลุ่มสัตว์บกและกลุ่มสัตว์น้ำ โดยแต่ละกลุ่มดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจฟาร์ม และธุรกิจอาหารพร้อมบริโภค การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรส่งผลให้สินค้าของบริษัทได้มาตรฐานสากลในด้านความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับซึ่งสามารถส่งออกไปยังประเทศผู้นำเข้าหลักทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป
ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากธุรกิจฟาร์ม 47% ของยอดขายรวม รองลงมาเป็นอาหารสัตว์ 34% และอาหารพร้อมบริโภค 19% เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และเพื่อสร้างเสถียรภาพของกระแสเงินสด บริษัทจึงเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมบริโภคเพื่อจำหน่ายทั้งในตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออกภายใต้ตราสัญลักษณ์ “CP" ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากอาหารพร้อมบริโภคให้เป็น 1 ใน 3 ของยอดขายรวมภายใน 5 ปีข้างหน้าและลดสัดส่วนรายได้จากธุรกิจฟาร์มลง
นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายแล้ว บริษัทยังขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 6% ของยอดขายรวมในปี 46 เป็น 17.5% ของยอดขายรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 52 นอกจากนี้ บริษัทยังจะมียอดขายจากธุรกิจในประเทศไต้หวันโดยเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 เป็นต้นไปด้วย
ฐานะการเงินของ CPF ยังคงแข็งแกร่ง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 52 บริษัทมียอดขาย 119,415 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% จากช่วงเดียวกันของปี 51 ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 8,080 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นถึง 186% ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจกลุ่มสัตว์น้ำทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยที่ต้นทุนวัตถุดิบธัญพืชและน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับต่ำ ตลอดจนการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการให้ความสำคัญกับสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มก็มีส่วนสนับสนุนให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้จ่ายชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและใช้ในการขยายธุรกิจ