โบรกเกอร์ พร้อมใจแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น(TTCL)มองแนวโน้มปีหน้ามีโอกาสได้รับงานค่อนข้างมาก โดยเฉพาะงานในต่างประเทศเป็นระดับหมื่นล้านบาท และงวดปี 52 จ่ายปันผลสูง
สำหรับปี 52 คาดว่างวดครึ่งปีหลังจะจ่ายเงินปันผลได้ประมาณ 0.30 บาทต่อหุ้น จากครึ่งปีแรกจ่ายในอัตรา 0.15 บาทต่อหุ้น ขณะที่รายได้อยู่ในระดับ 1 หมื่นล้านบาทขึ้นไป ใกล้เคียงกับ บมจ.ช.การช่าง(CK)และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC)แล้ว TTCL น่าซื้อกว่ามาก เพราะมีอัตราการทำกำไรสม่ำเสมอ
TTCL ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/52 เท่ากับ 64 ล้านบาท ลดลง 51% จากปีก่อนและ 22% จากไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากยอดรับรู้รายได้ที่ลดลง รายได้ค่าก่อสร้างลดลง 28% จากปีก่อนเป็น 2.34 พันล้านบาท เนื่องจากงานในมือที่ลดลงต่อเนื่องเพราะงานใหม่ที่เข้ามาน้อยลง
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 10.00 บล.เอเซียพลัส ซื้อ 9.82 บล.โกลเบล็ก ซิ้อ 9.70 บล.ทิสโก้ ซื้อ 9.50 บล.กิมเอ็ง ซื้อเมื่ออ่อนตัว 6.80
นักวิเคราะห์จาก บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า TTCL มีแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/52 ดีกว่าไตรมาส 3/52 เพราะจะรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ประมาณ 2.5 พันล้านบาทตามสัดส่วนงาน จากไตรมาส 3/52 ที่รับรู้รายได้ 2.3 พันล้านบาท
ประเด็นหลัก ที่น่าลงทุน TTCL คือ แนวโน้มการรับงานมีโอกาสได้งานสูงในต่างประเทศ รวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ทั้งที่โมร็อกโก , เวียดนาม และ ตะวันออกกลาง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประมูล โดยส่วนใหญ่เป็นงานของกลุ่มลูกค้าเก่าอยู่แล้ว และเจ้าของงานก็เป็นของญี่ปุ่น เช่นเดียวกับบริษัทแม่ TTCL จึงมองว่าแนวโน้มการได้รับงานค่อนข้างสูง และจุดเด่นของบริษัทมีต้นทุนต่ำกว่รายอื่น จึงทำให้บริษัทได้เปรียบ โดยในอนาคตคาดว่าสัดส่วนงานต่างประเทศจะมากขึ้น
นอกจากนี้ เรื่องเงินปันผลมีผลตอบแทนดี โดยครึ่งแรกของปีนี้จ่ายไปแล้ว 0.15 บาท/หุ้น และคาดว่าครึ่งหลังของปีนี้จะจ่ายมากกว่าครึ่งแรก โดยประมาณการว่าจะจ่ายอัตราหุ้นละ 0.30 บาท
"ถ้าเทียบกับหุ้นกลุ่มรับเหมาตัวอื่น ตัวนี้จะฉีกแนวไปที่ทำแต่งานก่อสร้างเพียวๆ แต่ TTCL ทำตั้งแต่ออกแบบจนจบกระบวนการ กำไรเขาก็ไม่ค่อยเหวี่ยง ขณที่ ITD ,CK ,PLE ขาดทุนในไตรมาส 3 ส่วนตัวนี้ค่อนข้างโอเค ซื้อได้ ...หุ้นตัวนี้ยังดูน่าสนใจอยู่ เพราะว่าผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ออกมาแม้ว่าจะออกมาลดลงเทียบ yoy แต่ก็เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาด ที่รับรู้ตามงานที่ก่อสร้าง"นักวิเคราะห์ กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์ จาก บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ในแง่รายได้ของ TTCL ปีนี้น่าจะมีระดับหมื่นล้านบาทขึ้นไปใกล้เคียงกับ CK และ STEC แต่หากวัดในเชิงประสิทธิภาพการทำกำไรแล้ว CK ค่อนข้างผันผวนสูงมาก โดยธุรกิจก่อสร้างค่อนข้างขาดทุนเป็นส่วนใหญ่ ส่วน STEC มีสถานะการเงินดีขึ้น มี Net Cash ดีขึ้น การทำกำไรก็ดีขึ้นเรื่อยๆ โดย STEC เทรดที่ P/E ประมาณ 20 เท่า
ขณะที่ TTCL ที่มีรายได้ใกล้เคียงกัน ประสิทธิภาพการทำกำไรก็ดี และมีสถานภาพ Net Cash เหมือนกัน เปรียบเทียบแล้วไม่ได้ด้อยกว่า โดย Net Profit Margin ก็ค่อนข้างดีและสม่ำเสมอด้วย ระดับประมาณ 3% โครงสร้างการเงินมีเงินสดในมือค่อนข้างมาก และไม่มีหนี้สินเลย
"ในเชิงเปรียบเทียบ 3 ตัวนี้ TTCL ไม่ได้ด้อยกว่า CK และ STEC อาจจะด้อยกว่าในแง่ที่เข้าตลาดฯช้ากว่า มาร์เก็ตแคป อาจจะเล็กกว่า ดังนั้นเราให้ valuation ของ STEC ที่ P/E 20 เท่า แต่ของ TTCL เรา discount ลงมาหน่อยให้ P/E ระดับ 15 เท่า เพราะมาร์เก็ตแคปเล็กและเป็นที่รู้จักอาจจะน้อยกว่า ซึ่งก็ยังได้ Fair Price 9.80 บาท ก็ยังมองว่ามี upside เกือบ 30% เราก็เลยแนะนำ ซื้อ" นักวิเคราะห์ กล่าว
บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) มองแนวโน้มการได้งานใหม่ของ TTCL ในปีหน้ายังคงสดใส จากภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการที่บริษัทปิโตรเคมีหลายแห่งกลับมาเริ่มโครงการขยายการผลิต
ปัจจุบัน TTCL อยู่ในระหว่างเสนอประมูลงานใหม่ 9 โครงการ มูลค่ารวม 3.9 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะรู้ผลประมูลในปีหน้า งานที่ใหญ่ที่สุดคือ โรงงานผลิตปุ๋ยที่ประเทศโมร็อกโก ซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงถึง 450 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะรู้ผลประมูลในไตรมาส 3/53 และงบดุลของ TTCL ยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากไม่มีหนี้เงินกู้(Net cash)ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อทุนลดลงเหลือ 3.23 เท่าในไตรมาส 3/52 จาก 4.33 เท่าในไตรมาสก่อน
นอกจากนี้ TTCL จะมียอดงานในมือ (Backlog) เท่ากับ 8 พันล้านบาทหลังหักรายได้ไตรมาส 3/52 ซึ่งจะรองรับกระแสรายได้ในไตรมาส 4/52 และปีหน้า
"เรายังประมาณการกำไรด้วยความระมัดระวัง โดยคาดว่าผลประกอบการปีหน้าจะลดลง 5% เป็น 328 ล้านบาทหรือ 0.68 บาทต่อหุ้น ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายกันที่ PER ปี 53 ที่ 10.7 เท่า และสูงกว่าราคาเป้าหมายของเราที่ 6.80 บาท เราคงคำแนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว" บทวิเคราะห์ระบุ