นางสาววริยา ว่องปรีชา รองเลขาธิการสายบริหารงานสมาชิก รักษาการ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการจัดการลงทุนได้มีมติให้แต่งตั้งธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์สินของ กบข.ต่อเนื่องต่อไปอีก 3 ปี
ทั้งนี้ SCB ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์สินของ กบข.มาตั้งแต่ปี 43
กบข. มีปริมาณหลักทรัพย์ภายใต้การบริหารจำนวนมาก จึงควรมีการแบ่งแยกหน้าที่ระหว่างผู้จัดการกองทุนซึ่งดูแลกระบวนการการตัดสินใจลงทุน ที่ประกอบด้วยการวิเคราะห์ พิจารณาและการตัดสินใจลงทุนออกจากกระบวนการชำระราคา ซึ่งให้อยู่ในความรับผิดชอบของผู้เก็บรักษาทรัพย์สิน เพื่อให้มีการควบคุมภายในที่ดี เป็นการสร้างระบบการตรวจสอบและสร้างสมดุลระหว่างกันที่ดี (Check and Balance) และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดจากความผิดพลาดหรือการทุจริตต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งนับเป็นหลักการที่ กบข. ยึดปฏิบัติและให้ความสำคัญเสมอมา
นายอาทิตย์ นันทวิทยา รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ 2 และกลุ่ม GMTS SCB กล่าวว่า SCB มีความมั่นคงสูงประกอบกับนวัตกรรมการจัดการที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพ เน้นคุณภาพในการให้บริการ โดยมีระบบปฎิบัติงาน ซึ่งสามารถควบคุมมาตรฐานการให้บริการให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ เพื่อพัฒนาระบบงานและบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการรองรับนวัตกรรมการลงทุนใหม่ ๆ จึงเชื่อมั่นได้ว่าจะสามารถให้บริการรับฝากทรัพย์สินได้อย่างสมบูรณ์รองรับการลงทุนได้ในทุกรูปแบบของ กบข.
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์อันยาวนานในการให้บริการรับฝากสินทรัพย์ ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์และคุณภาพของการให้บริการที่ดีเยี่ยมจึงทำให้ธนาคารได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ผู้รับฝากทรัพย์สินแก่กองทุนชั้นนำมากมายโดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวมทั้งสิ้นกว่าล้านล้านบาท
ทั้งนี้ หน้าที่สำคัญของผู้เก็บรักษาทรัพย์สิน คือ การรับ-ส่งมอบทรัพย์สิน และเก็บรักษาทรัพย์สินที่เกิดจากการลงทุน รวมถึงการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การตรวจสอบหลักทรัพย์หรือตราสารที่ลงทุน และการดูแลผลประโยชน์ที่เกิดจากตราสาร เช่น การรับดอกเบี้ยหรือเงินปันผล เป็นต้น ซึ่งระยะเวลาของสัญญาว่าจ้างมีเวลา 3 ปี โดย กบข. มีการตรวจสอบการดำเนินการของผู้เก็บรักษาทรัพย์สินทุก ๆ ระยะ และมีการประเมินผลการดำเนินงานทุก ๆ 6 เดือนอีกด้วย