โบรกเกอร์ เชียร์"ซื้อ"หุ้น ธนาคารกรุงเทพ(BBL)มองปี 53 เป็นระยะของการฟื้นตัวของธุรกิจ คาดว่าสินเชื่อของธนาคารจะเติบโตราว 4-5% จากปี 52 ที่หดตัวไปถึงประมาณ 4% โดยเริ่มเห็นสัญญาณบวกตั้งแต่ไตรมาส 4/52 ขณะที่ในปีหน้ารายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งส่วนต่างดอกเบี้ย(NIM)ก็น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีนี้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะได้รับกำไรพิเศษอีกราว 1 พันล้านบาท จากการขายหุ้น ACL ให้กับ ICBC ส่วนในแง่ราคาหุ้น BBL ขณะนี้ยังต่ำกว่าราคาเป้าหมาย
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.ฟิลลิป ซื้อ 155
บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 140
บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 138
บล.เคจีไอ ซื้อ 137
บล.บีฟิท ซื้อลงทุน 137
บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 132
นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา มองว่า สินเชื่อของ BBL ในปี 53 จะกลับมาเติบโต โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวเป็นบวกตั้งแต่ไตรมาส 4/52 เป็นต้นไป จากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาสินเชื่อของ BBL หดตัว 6.8% แต่ทั้งปี 52 ยังเชื่อว่าสินเชื่อจะหดตัวราว 5% ก่อนจะเติบโตได้ราว 4% ในปีหน้า
และในด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย(NIM)คาดว่าจะดีขึ้นจากไตรมาส 3/52 ที่อยู่ระดับ 2.9% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุด โดยในไตรมาส 4/52 คาดว่า NIM จะทรงตัว หรืออาจจะเพิ่มขึ้นมาประมาณ 10 bps
ทั้งนี้ ในปี 52 BBL นับเป็นธนาคารที่มีอัตรากรเติบโตของสินเชื่อต่ำที่สุดในแบงก์ขนาดใหญ่ แต่ไม่มีปัญหาหนี้เสีย คาดว่าปีนี้ Gross NPL อยู่ที่ 4.7% และทางธนาคารเองก็คาดว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยในครึ่งหลังปี 53
นอกจากนี้ คาดว่าในปีหน้าบริษัทจะบันทึกกำไรจากการขายหุ้น ธ.สินเอเซีย(ACL)ประมาณ 1 พันล้านบาท โดย BBL และธนาคารอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชนา ลิมิเต็ด (ICBC) บรรลุข้อตกลงในการซื้อขายหุ้น ACL ที่ราคา 11.50 บาท อย่างไรก็ตาม การซื้อขายหุ้นขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังอนุมัติ
"ราคาหุ้น BBL ไม่ค่อย perform เท่าไร แต่ปีหน้าสินเชื่อจะสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และตัวรายได้ค่าธรรมเนียมที่อิงกับ Loan ก็คงฟื้นตัวได้ ระยะยาวสักปีหนึ่ง ก็ยังมองไปในเชิงบวกอย่างที่คาดการณ์ไว้"นาธนัท กล่าว
ด้านนายศรัณย์ ถวิลหวัง รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.บีฟิท กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่แนะให้ลงทุนระยะยาวหุ้น BBL เพราะมองว่าผลประกอบการของธนาคารในปี 53 จะดีขึ้นกว่าปีนี้ เนื่องจากคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตขึ้นประมาณ 5% ในปี 53 ตามความต้องการสินเชื่อของเอกชนที่กลับเข้ามาหลังจากหยุดนิ่งไปในช่วงปีก่อน ซึ่งก็ต้องขึ้นกับความเชื่อมั่นด้วย ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นในปีหน้า ก็จะทำให้ ส่วนต่างดอกเบี้ยจากสินเชื่อจะขยายตัวด้วย
ประกอบกับ รายได้จากค่าธรรมเนียมคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้น หลังจากหันมารุกธุรกิจประกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันให้บริการทุกสาขาแล้ว ขณะที่การสำรองหนี้เสียของธนาคารลดลงจากปีนี้
อย่างไรก็ตาม ปีหน้าก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลก ปัจจัยการเมืองในประเทศ และ ถ้าหากภาคเอกชนไม่มีความเชื่อมั่น ความต้องการสินเชื่อก็ยังไม่เกิด
"ในแง่ Long term Investment เป็นไปได้ที่จะเข้าซื้อตอนนี้ ทำได้ โดยคำแนะนำเหล่านี้อิงบนผลประกอบการในปีหน้า ไม่ใช่ปีนี้ และคิดว่านักลงทุนก็คงไม่มองปีนี้แล้ว น่าจะให้น้ำหนักกับผลประกอบการปีหน้ามากกว่า แต่ความเสี่ยงยังมีอยู่ที่พร้อมจะทำให้อะไรพลิกได้อยู่"นายศรัณย์ กล่าว
บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป คาดหมายว่า สินเชื่อ BBL ไตรมาส 4/52 จะปรับตัวเป็นบวก แต่ทั้งปี 52 คาดสินเชื่อหดตัวราว 4% สำหรับปี 53 คาดว่าสินเชื่อจะมีทิศทางที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และแรงสนับสนุนจากโครงการไทยเข้มแข็ง ผู้บริหารคาดว่าจะขยายตัวราว 3-5% โดยจะมีสินเชื่อ Corporate เป็นตัวนำ ขณะที่สินเชื่อ SME ปรับตัวดีขึ้น
ด้าน NIM คาดจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เช่นกันหลังความต้องการสินเชื่อกลับมาและการแข่งขันไม่รุนแรงเท่าในปีนี้ สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมคาดว่าจะขยายตัวได้ราว 7%จากปีก่อน
นอกเหนือจากธุรกิจหลักแล้วยังคาดหมายมีบันทึกกำไรจากการขายหุ้น ACL 19.3% ให้กับ ICBC เป็นตัวเสริม โดยคาดว่า ICBC จะทำ Tender Offer หุ้น ACL ในช่วงครึ่งแรกของปี 53 หากอิงต้นทุน ACL ที่ราว 5 บาท/หุ้น ก็คาดว่าเห็นกำไรขออง BBL หลังภาษีจากการขายหุ้นดังกล่าวอยู่ที่ราว 1.40 พันล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 53 ขยายตัวได้ 12.3% YoY มาสู่ระดับ 2.2 หมื่นล้านบาท