นายวัชรพงศ์ ใสสุก ผู้อำนวยการสำนักแผนกิจการ และนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนหยุดเดินเครื่อง 1 หน่วยการผลิตในช่วงกลางเดือน ธ.ค.เป็นเวลา 15 วัน ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตในช่วงดังกล่าวลดลงเหลือ 6 หมื่นบาร์เรล/วัน จากปกติที่มีกำลังการกลั่น 8 หมื่นบาร์เรล/วัน
เนื่องจากบริษัทเตรียมล้างทำความสะอาดเครื่องจักรทั้งหมดของหน่วยการผลิตดังกล่าว และทำการเชื่อมต่อเข้ากับโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (PQI) ซึ่งหลังจากที่แก้ไขปัญหาข้อขัดข้อง โดยทดสอบเครื่องและเริ่มผลิตตั้งแต่ มิ.ย.52 ซึ่งบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากหน่วย PQI ตั้งแต่ 10 ธ.ค.52 และจะทำให้บริษัทก็มีภาระต้องชำระค่าเสื่อมปีละ 50 ล้านบาทเพิ่มเข้ามา
นายวัชรพงษ์ กล่าวว่า บริษัทจะมีกำลังการกลั่นในปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 9 หมื่นบาร์เรล/วัน แม้ว่าธุรกิจการกลั่นยังไม่ค่อยดีนัก แต่บริษัทก็เชื่อว่าจะสามารถจำหน่ายน้ำมันได้ทั้งหมด เนื่องจากบริษัทมีสัญญาที่จะขายให้กับบมจ.ปตท.(PTT)ราว 30% ของกำลังการกลั่น อีกทั้ง บริษัทมีสถานีบริการน้ำมันเป็นของตัวเอง ซึ่งรับกำลังการกลั่นไปได้ราว 55%
บริษัทคาดว่าค่าการกลั่นจะยังคงชะลอตัวในปีหน้า ดังนั้น ก็จะไม่เดินเครื่องกลั่นเต็มกำลัง โดยจะผลิตตามปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้มีกำไรได้ ขณะเดียวกัน ในปีนี้บริษัทก็ลดการทำประกันความเสี่ยงไปมาก จากที่เคยทำสูงถึง 50% ของกำลังการผลิต เหลือเพียงการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันเตาแค่ 4-5% เท่านั้น
ในส่วนของราคาหุ้น BCP ที่ ณ ขณะนี้ต่ำว่าราคากว่ามูลค่าทางบัญชี(book value)ที่ 21 บาท/หุ้น นายวัชรพงศ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่บริษัทมีความกัวล โดยเฉพาะนักลงทุนสอบถามเข้ามามาก และพยายามหาทางแก้ไข โดยล่าสุดได้ศึกษาการซื้อหุ้นคืน แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริษัท