โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์(TASCO)คาดผลประกอบการปีนี้และปี 53 ขยายตัวอย่างโดดเด่น ในแง่พื้นฐานถึงจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยรับแรงหนุนจากโครงการถนนปลอดฝุ่นที่เริ่มมีการเบิกจ่ายงบออกมาแล้วตั้งแต่เดือน พ.ย.552 และยังเป็นงบต่อเนื่องในอีก 3 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ คาดว่ากำไรปี 53 จะเติบโต 214% จากกำลังการผลิตยางมะตอยใหม่ของโรงงานในมาเลเซียจะเริ่มเข้ามาเต็มที่ในปีหน้า ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้สามารถที่จะบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการเพิ่มเสถียรภาพด้านวัตถุดิบ จากเดิมที่ต้องพึ่งพิงโรงกลั่นในประเทศ และการขยายตลาดการส่งออกเพิ่มขึ้น
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย
สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ซื้อ 48
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 48
บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ 44
นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ซื้อ 41
ยูไนเต็ด ซื้อเก็งกำไร 40
ทิสโก้ ซื้อ 46
นายนัท พนัสสุทรากร ผู้ช่วยผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย มองว่า หุ้น TASCO ในแง่พื้นฐานเชื่อว่าถึงจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ มาจากงบไทยเข้มแข็งเป็นหลักที่จะผลักดันให้ผลดำเนินงานขยายตัวอย่างโดดเด่น โดยตั้งแต่ไตรมาส 3/52 เป็นต้นไป เชื่อว่ากำไรจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และทั้งปี 52 คาดว่าจะมีกำไรประมาณ 166 ล้านบาท พลิกสถานการณ์จากปีก่อนที่ขาดทุน 281 ล้านบาท
แต่ประเด็นหลักจริงๆ อยากให้ดูเรื่องปริมาณขาย(วอลุ่ม)เชื่อว่าปีหน้าวอลุ่มจะเติบโตสูงถึง 28% จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยประเทศมีปัจจัยหลักเป็นเรื่องของงบไทยเข้มแข็งที่ทำให้ปริมาณการใช้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการก่อสร้าง-ซ่อมบำรุงถนน สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับการส่งออกจะเห็นโรงกลั่นน้ำมันที่มาเลเซียมีกำลังการผลิตยางมะตอยได้เต็มที่ทั้งปีในปี 53 ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถที่จะขยายตลาดออกไปต่างประเทศได้มากขึ้นทั้ง จีน และ ในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไกลออกไปอย่างออสเตรเลีย ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่จะช่วยหนุนรายได้ของบริษัทด้วย
นายนัท คาดว่า รายได้ของ TASCO ในปี 53 จะเติบโตประมาณ 33% โดยมีผลผลิตจากโรงกลั่นในมาเลเซียเป็นจุดสำคัญที่ทำให้บริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อัตรากำไร(มาร์จิน)น่าจะยืนได้ในระดับ 9% และ bottom line เชื่อว่ากำไรสุทธิจะสูงถึง 520 ล้านบาท ซึ่งเทียบ yoy จะเห็นว่ามีการเติบโตถึงประมาณ 214%
น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า TASCO จะได้ประโยชน์จากกรมทางหลวงชนบทที่มีโครงการถนนไร้ฝุ่น 7,200 กว่ากิโลเมตรทั่วประเทศในช่วง 3 ปี และบริษัทลูกที่ทำโรงกลั่นยางมะตอยในมาเลเซียใช้กำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ น่าจะคุ้มทุนได้ในเร็วๆ ซึ่งในปีหน้าก็น่าจะเป็นกำไรและมาช่วยหนุน TASCO ให้เติบโตได้ดี
"ดีมานด์ในประเทศก็ดี ต่างประเทศคือในมาเลย์ก็น่าจะกลับมามีกำไรเพราะโรงกลั่นยางมะตอยที่มาเลย์ส่วนใหญ่จะขายส่งออกไปที่จีนส่วนใหญ่ และจีนเองก็มีโครงการสร้างถนน ขยายถนนเยอะ"น.ส.จิตรา กล่าว
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"มองในแง่เดียวกันคือจะได้ประโยชน์โครงการถนนไร้ฝุ่นและโรงกลั่นที่มาเลย์ ให้ราคาเป้าหมาย 44 บาท
"ปีนี้น่าจะเป็นกำไรเยอะและแนวโน้มปีหน้าผลกำไรก็น่าจะดีขึ้นอีก จากทั้งในและต่างประเทศ"นายสุรชัย กล่าว
นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า โครงการถนนปลอดฝุ่นของภาครัฐเริ่มเบิกจ่ายจริงในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ผู้รับเหมาฯท้องถิ่นก็เริ่มมีการ BID งาน TASCO ฐานะมีส่วนแบ่งการตลาดยางมะตอยอันดับ 1 ของประเทศจึงได้รับประโยชน์สูงและมีคลังสินค้ากระจายอยู่ทุกภูมิภาคก็จะได้ประโยชน์ เพราะโครงการนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกันหลายพื้นที่ทั่วประเทศ คนที่มีช่องทางการตลาดเยอะก็จะได้ประโยชน์เต็มที่ ซึ่งงบไทยเข้มเข็งถือเป็นงบ 3 ปีที่เพิ่มเติมเข้ามา
ในเรื่องการส่งออกถือว่าดีขึ้นมาด้วย เพราะโรงกลั่นยางมะตอยที่มาเลเซียสามารถซื้อน้ำมันดิบมากลั่นได้อย่างสม่ำเสมอมากขึ้น และได้ในราคาวัตถุดิบค่อนข้างดีจากประสบการณ์ที่ซื้อบ่อยๆ ทำให้สามารถเจรจากับแหล่งน้ำมันได้ดีขึ้น เหมือนกับการประกันความเสี่ยงด้วยหลังจากที่ช่วงต้นปีมีปัญหาเรื่องการทำ hedging และขาดทุนไป ช่วงหลังทำได้ดีขึ้น
โรงกลั่นเป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่จะทำให้มีต้นทุนที่ถูกลงและเป็นการเพิ่มเสถียรภาพด้านวัตถุดิบจากเดิมที่ต้องพึ่งพิงโรงกลั่นในประเทศ พอโรงกลั่นกลั่นมีผลผลิตสม่ำเสมอ ทางผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TASCO คือ Colas มีเครือข่ายการตลาดในหลายประเทศก็อาศัยช่องทางการตลาดในการกระจายสินค้าถือว่าดีทั้งในประเทศและส่งออก