นายนิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บมจ.นวนคร (NNCL) เปิดเผยกับ"อินโฟเควทส์"ว่า ผลพวงจากคดีมาบตาพุด ทำให้ลูกค้ารายใหญ่ 2-3 รายที่กำลังพิจารณาจะซื้อที่ดิน 50-100 ไร่ขึ้นไป ชะลอการตัดสินใจออกไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงธุรกิจเวชภัณฑ์ ที่เป็นลูกค้ารายใหม่เพิ่มเข้ามา ช่วยลดผลกระทบจากลูกค้าที่หายไป แต่ส่วนใหญ่ลูกค้ารายใหม่กลุ่มนี้จะซื้อที่ดินกันรายละไม่เกิน 20-25 ไร่เท่านั้น ประกอบกับการที่บริษัทมีรายได้จากค่าสาธารณูปโภคน้ำประปาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องก็ช่วยได้มาก
นายนิพิฐ กล่าวว่า จากกรณีปัญหาโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดต้องหยุดชะงักลงไป ส่งผลกระทบในภาพรวมทั้งการลงทุนและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนอาจจะตัดสินใจถอนการลงทุนไปจากประเทศไทยและหันไปลงทุนในประเทศอื่นแทน ดังนั้น รัฐบาลควรที่จะมีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพราะจากการพบปะนักลงทุนรายใหญ่ โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นระบุว่าไม่พอใจกับการดำเนินการของรัฐบาลที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลพยายามโปรโมทด้านการลงทุนมาตลอด
"การที่รัฐบาลยังเป็นอย่างนี้อยู่และไม่มีแนวทางแก้ไขอย่างชัดเจนผมคิดว่ามีหลายคนที่อยากจะย้ายการลงทุนจากประเทศไทยไปที่อื่นที่รัฐบาลเอื้อมากกว่า อย่างเวียดนามเอื้อทั้งกฎหมายและรัฐบาล ตอนนี้เสียความรู้สึกกันไปหมด และใครจะสัญญาได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาอีก ความมั่นใจตอนนี้หายไปเยอะ...ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย ผมเห็นด้วยกับการระวัง แต่ควรที่จะมีระดับและความพอดี ห่วงก็ได้แต่ไม่ใช่มากเกินไป"นายนิพิฐ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเรื่องการเมืองนั้น นักลงทุนก็ยังรับได้ รวมถึงนโยบายของภาครัฐที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ แต่พอมาเจอกับปัญหามาบตาพุดทำให้ความรู้สึกของคนที่จะลงทุนเกิดความไม่แน่นอนและไม่กล้าลงทุนอย่างจริงจัง
"จากตรงนี้ไปผมห่วงถึงการลงทุนระดับประเทศระยะยาวมากกว่าทั้งๆ ที่เม็ดเงินมีอยู่มากและมาอยู่ตรงหน้าบ้านเราอยู่แล้วแต่ต้องกลับย้ายไปอยู่ที่อื่น ทั้งนี้ มองว่านโยบายรัฐบาลควรที่จะมีนโยบายที่ชัดเจนออกมา ไม่ใช่เปลี่ยนไปเปลี่ยนไป"นายนิพิฐ กล่าว