ข้อบังคับหมวด 800 การพิจารณาความผิดและการลงโทษทางวินัย
ในการพิจารณาความผิดของบุคคลที่ฝ่าฝืนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการฝ่าฝืนข้อกำหนดของตลาดอนุพันธ์และการลงโทษบุคคลดังกล่าว ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการวินัย (Business Conduct Sub-Committee) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามข้อบังคับนี้
(4) ให้คณะอนุกรรมการวินัยคณะหนึ่งประกอบด้วย อนุกรรมการวินัยจำนวน 5 คน โดยในจำนวนนี้อย่างน้อยต้องเป็นกรรมการตลาดอนุพันธ์ 1 คน ผู้ทรงคุณวุฒิและ/หรือมีประสบการณ์สูงด้านธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 1 คน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย 1 คน และผู้จัดการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้จัดการ 1 คน
ให้อนุกรรมการวินัยมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี และดำรงตำแหน่งติดต่อกันไม่เกิน 2 วาระ แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงผู้จัดการและผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้จัดการตลาดอนุพันธ์
ในกรณีที่อนุกรรมการวินัยพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งอนุกรรมการวินัยขึ้นใหม่ ในระหว่างที่ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งอนุกรรมการวินัยขึ้นใหม่ ให้อนุกรรมการวินัยซึ่งพ้นจากตำแหน่งอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าอนุกรรมการวินัยซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่รับหน้าที่
นอกจากการพ้นตำแหน่งตามวาระ อนุกรรมการวินัยพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) คณะกรรมการมีมติให้ออก
(4) เป็นผู้ขาดคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ 802
ในกรณีที่อนุกรรมการวินัยพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ คณะกรรมการอาจแต่งตั้งบุคคลอื่นเป็นอนุกรรมการวินัยแทน และให้ผู้ได้รับตำแหน่งแทนนั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของอนุกรรมการวินัยซึ่งตนแทน
*ให้คณะอนุกรรมการวินัยเลือกอนุกรรมการวินัยคนหนึ่งเป็นประธานอนุกรรมการวินัย และในการประชุมของคณะอนุกรรมการวินัยต้องมีอนุกรรมการวินัยมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนอนุกรรมการวินัยทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
ในการประชุมของคณะอนุกรรมการวินัย ถ้าประธานอนุกรรมการวินัยไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ถ้าไม่มีรองประธานหรือมีแต่ไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้อนุกรรมการวินัยที่มาประชุมเลือกอนุกรรมการวินัยคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก อนุกรรมการวินัยคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน การประชุมของคณะอนุกรรมการวินัยอาจใช้วิธีการที่อนุกรรมการวินัยทุกคนลงมติโดยการลงลายมือชื่อไว้ในเอกสารซึ่งแสดงถึงมตินั้นแล้วแทนก็ได้ และการวินิจฉัยชี้ขาดให้เป็นไปตามความในวรรคสาม แต่ทั้งนี้วิธีการประชุมดังกล่าวมิให้นำมาใช้กับการประชุมเพื่อลงมติที่เป็นการลงโทษ
อนุกรรมการวินัยผู้ใดมีส่วนได้เสียในเรื่องที่พิจารณา ห้ามมิให้เข้าร่วมพิจารณาในเรื่องนั้น
(*ความในวรรคแรกของข้อ 804 เดิมถูกยกเลิกและให้ใช้ความใหม่นี้แทน โดยข้อบังคับของตลาดอนุพันธ์ หมวด800 การพิจารณาความผิดและการลงโทษทางวินัย เรื่อง การประชุมคณะอนุกรรมการวินัย ลงวันที่ 2 เมษายน 2550)
ในการดำเนินกระบวนการพิจารณาต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็ว แต่ทั้งนี้ต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงและแสดงพยานหลักฐานประกอบคำชี้แจงของตนตามควรแก่กรณีการชี้แจงตามวรรคหนึ่งต้องทำเป็นหนังสือ ยกเว้นคณะอนุกรรมการวินัยอนุญาตให้ชี้แจงด้วยวาจาต่อหน้าคณะอนุกรรมการวินัย
ในกรณีการชี้แจงด้วยวาจาตามวรรคสอง ให้เลขานุการจดบันทึกการชี้แจงและให้ผู้ถูกกล่าวหาลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน
ให้คณะอนุกรรมการวินัยมีอำนาจในการพิจารณาความผิดและลงโทษบุคคลที่ฝ่าฝืนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการฝ่าฝืนข้อกำหนดของตลาดอนุพันธ์ พิจารณาและสั่งการอื่นใดเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับนี้ รวมถึงการปฏิบัติอื่นใดที่จำเป็นต่อกระบวนการพิจารณาความผิดและลงโทษทางวินัยและกรณีอื่นตามที่คณะกรรมการอนุมัติ ยกเว้นการพิจารณาความผิดและสั่งลงโทษดังต่อไปนี้ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการ
(1) การสั่งห้ามสมาชิกรายใดรายหนึ่งทำการซื้อหรือขายเฉพาะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าลักษณะใดลักษณะหนึ่งหรือหลายลักษณะภายในระยะเวลาที่กำหนด
(2) การสั่งห้ามสมาชิกรายใดรายหนึ่งทำการซื้อหรือขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดอนุพันธ์ภายในระยะเวลาที่กำหนด
(3) การสั่งเพิกถอนสมาชิกภาพของสมาชิก
(4) กรณีอื่นที่คณะกรรมการกำหนด
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการวินัย ให้ตลาดอนุพันธ์จัดให้มีเลขานุการคณะอนุกรรมการวินัย เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและเสนอความเห็นในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายต่อคณะอนุกรรมการวินัย ตลอดจนดำเนินการอื่นใดเพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับนี้
(*ความในหลักเกณฑ์ 807 เดิมถูกยกเลิก และให้ใช้ความใหม่นี้แทนโดยข้อบังคับบริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2552 ซึ่งมีผลใช้บังคับวันที่ 14 กรกฎาคม 2552)
เมื่อปรากฏข้อกล่าวหาหรือข้อสงสัยที่อาจเชื่อได้ว่ามีการฝ่าฝืนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการฝ่าฝืนข้อกำหนดของตลาดอนุพันธ์ ให้เลขานุการพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวหากเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏมีมูลให้เลขานุการรวบรวมข้อเท็จจริง พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องและจัดทำความเห็นพร้อมด้วยเหตุผลและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเสนอต่อคณะอนุกรรมการวินัยและแจ้งข้อกล่าวหาเป็นหนังสือให้บุคคลที่ถูกกล่าวหาทราบ
ในกรณีที่เห็นว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏไม่มีมูล ให้เลขานุการมีอำนาจสั่งให้ยุติเรื่อง และรายงานต่อคณะอนุกรรมการวินัยทราบ แต่ทั้งนี้ หากคณะอนุกรรมการวินัยเห็นสมควรอาจสั่งไม่ยุติเรื่อง และให้เลขานุการดำเนินการต่อไปตามวรรคหนึ่ง
ให้เลขานุการทำหน้าที่เป็นเลขานุการของที่ประชุมหรือมอบหมายให้บุคคลอื่นทำหน้าที่แทน
การแจ้งข้อกล่าวหาต้องทำเป็นหนังสือและมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้
(1) ชื่อและที่อยู่ของผู้แจ้งข้อกล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา
(2) การกระทำที่เป็นเหตุในการกล่าวหา พร้อมทั้งข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ตามสมควรเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าว
(3) อ้างบทบัญญัติในข้อกำหนดของตลาดอนุพันธ์ซึ่งกำหนดว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด และ
(4) ระยะเวลาในการแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหา
ในการดำเนินกระบวนพิจารณาตามข้อบังคับนี้ ผู้ถูกกล่าวหาจะดำเนินการทั้งปวงด้วยตนเองหรืออาจทำหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนก็ได้ โดยให้ผู้ถูกกล่าวหาดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ผู้ถูกกล่าวหาต้องยื่นคำแก้ข้อกล่าวหาต่อคณะอนุกรรมการวินัยภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา
(2) คำแก้ข้อกล่าวหาตาม (1) ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้รับมอบอำนาจแล้วแต่กรณี โดยระบุการกระทำอันเป็นเหตุให้ต้องแก้ข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและเหตุผลที่เป็นข้อโต้แย้งว่าไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหาในเรื่องใด
(3) บรรดาเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ถูกกล่าวหา ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาเห็นว่าอาจเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ให้ผู้ถูกกล่าวหาแนบเอกสารหลักฐานดังกล่าวมาพร้อมกับคำแก้ข้อกล่าวหาด้วย
(4) การยื่นคำแก้ข้อกล่าวหาตาม (1) ให้ยื่นได้ที่เลขานุการหรืออาจส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับก็ได้
ในกรณีการยื่นคำแก้ข้อกล่าวหาโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ให้ถือว่าวันที่เจ้าพนักงานไปรษณีย์ต้นทางประทับตราไปรษณียากรลงบนซองหนังสือแก้ข้อกล่าวหาเป็นวันยื่นคำแก้ข้อกล่าวหา
เมื่อเลขานุการรับคำแก้ข้อกล่าวหาแล้ว ให้ออกใบรับคำแก้ข้อกล่าวหาหรือมีหนังสือแจ้งการรับคำแก้ข้อกล่าวหาให้ผู้ยื่นคำแก้ข้อกล่าวหาทราบ แล้วแต่กรณี
ใบรับคำแก้ข้อกล่าวหาหรือหนังสือแจ้งการรับคำแก้ข้อกล่าวหาตามวรรคหนึ่ง ต้องมีข้อความแสดงถึงวัน เดือน ปี ที่รับคำแก้ข้อกล่าวหาและชื่อผู้ยื่นคำแก้ข้อกล่าวหา
ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยื่นคำแก้ข้อกล่าวหาภายในเวลาที่กำหนดตามหลักเกณฑ์ 810 (1) ให้เลขานุการรายงานต่อคณะอนุกรรมการวินัยทราบ โดยคณะอนุกรรมการวินัยมีอำนาจพิจารณาความผิดและวินิจฉัยไปได้โดยไม่จำต้องรับฟังคำแก้ข้อกล่าวหา
ในกรณีที่เลขานุการเห็นว่าเป็นคำแก้ข้อกล่าวหาที่ไม่ถูกต้องหรือมีรายการไม่ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ ให้เลขานุการมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบถึงความไม่ถูกต้องหรือรายการที่ไม่ครบถ้วนดังกล่าว โดยแจ้งกำหนดเวลาให้ผู้ถูกกล่าวหาแก้ไขหรือจัดทำคำแก้ข้อกล่าวหามายื่นใหม่ให้ถูกต้องครบถ้วนภายในเวลาที่กำหนด
ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่แก้ไขหรือไม่จัดทำคำแก้ข้อกล่าวหาที่ถูกต้องครบถ้วนมายื่นใหม่ภายในเวลาที่กำหนดตามวรรคสองก็ให้นำความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับ แต่ถ้าผู้ถูกกล่าวหาได้แก้ไขหรือจัดทำคำแก้ข้อกล่าวหาที่ถูกต้องครบถ้วนมายื่นใหม่ภายในเวลาที่กำหนดตามวรรคสอง ให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ยื่นคำแก้ข้อกล่าวหาภายในเวลาที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์ 810 (1) แล้ว
ในกรณีที่เลขานุการเห็นว่าคำแก้ข้อกล่าวหาถูกต้องครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ 810 หรือในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยื่นแก้ไขคำแก้ข้อกล่าวหาตามวรรคหนึ่งและวรรคสาม ให้เลขานุการจัดทำความเห็นพร้อมด้วยเหตุผลและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเสนอต่อคณะอนุกรรมการวินัยโดยไม่ชักช้า
ในการพิจารณาความผิด ให้คณะอนุกรรมการวินัยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่เริ่มการพิจารณาความผิดนั้นครั้งแรก
ในระหว่างการพิจารณาความผิด คณะอนุกรรมการวินัยอาจสั่งให้เลขานุการทำหนังสือเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหามาพบเพื่อสอบถามหรือให้ส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมหรือชี้แจงข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหาเพิ่มเติมภายในเวลาที่กำหนดหรืออาจเรียกให้หน่วยงานภายในของตลาดอนุพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งข้อกล่าวหานั้นส่งเอกสารหลักฐานหรือชี้แจงเพิ่มเติม
การนับระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง มิให้นับรวมระยะเวลาตั้งแต่วันที่คณะอนุกรรมการวินัยมีคำสั่งตามวรรคสองจนถึงวันที่คณะอนุกรรมการวินัยได้รับเอกสารหลักฐานหรือคำชี้แจงโดยครบถ้วน
ในการออกคำสั่งการลงโทษ คณะอนุกรรมการวินัยอาจพิจารณาออกคำสั่งตามความเห็นของเลขานุการหรืออาจมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นก็ได้
กำหนดระยะเวลาเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาตามข้อบังคับนี้ ให้คณะอนุกรรมการวินัยมีอำนาจขยายเวลาออกไปได้ตามสมควร 815 หนังสือแจ้งผลการพิจารณา
เมื่อคณะอนุกรรมการวินัยพิจารณาออกคำสั่งการลงโทษเสร็จสิ้นแล้ว ให้เลขานุการมีหนังสือแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบโดยไม่ชักช้า โดยต้องมีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้
(1) ชื่อและที่อยู่ของผู้ถูกกล่าวหา
(2) เหตุและข้อเท็จจริงของการกล่าวหา
(3) เนื้อหาและเหตุผลของคำสั่ง
(4) ผลบังคับของคำสั่ง
ในกรณีที่คณะอนุกรรมการวินัยมีคำสั่งลงโทษ ให้เลขานุการรายงานให้คณะกรรมการทราบด้วย
--บมจ.ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย)--